เรียนถามว่า เมื่อจิตเกิดขึ้นแล้ว ว่างเว้นจากอารมณ์ ไม่มีการรู้อะไรเลยเกิดขึ้นตามมา ได้หรือไม่ครับ
ตามหลักพระธรรมของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้แสดงว่า เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์
ไม่มีขณะใดเลยในสังสารวัฏฏ์ที่จิตเกิดขึ้นจะว่างเว้นจากอารมณ์ทั้ง ๖ อารมณ์
เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ ไม่มีขณะใดเลยในสังสารวัฏฏ์ ที่จิตเกิดขึ้นจะว่างเว้นจากอารมณ์ทั้ง ๖ อารมณ์นั้นเป็นเรื่องจริงค่ะ สลับสับเปลี่ยนไปมากันบ้าง รู้สึกว่าช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ในเรื่องของ จิต จึงต้องมาศึกษาธรรมมะเพราะเหตุนี้แหล่ะ ธรรมดาของธรรมมะทั้งหลายในธรรมชาตินั้นเป็นจริงทุกสิ่งไม่ข้อยกเว้น เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ แล้วดับไป จิตจำต้องรู้อารมณ์ทุกขณะจิต ขอนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ ท่านอาจารย์ประเชิญ และทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ ผิดหรือถูกประการใดขอคำชี้แนะด้วยค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
จิตเป็นสภาพรู้ ธาตุรู้ อาการรู้ ทุกขณะที่จิตเกิด เกิดขึ้นมาแล้วจะไม่รู้อะไรเลยไม่ได้ จะเกิดแต่จิตอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องอาศัยธรรมอีกอย่างเกิดกับจิตด้วย เรียกว่า เจตสิกรวมทั้งต้องอาศัยอารมณ์ และปัจจัยอื่นๆ อีกหลากหลาย จิตและเจตสิก จึงจะเกิดขึ้นได้ จิตและเจตสิกที่เกิดกับจิตในขณะนั้น เกิดขึ้น รู้อารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด ทางทวารหนึ่งทวารใด ทีละ ๑ อารมณ์ ทีละ ๑ ทวาร แม้แต่ตอนหลับสนิท ถ้ายังไม่ตาย ก็มีจิตและเจตสิก ที่เกิดดับสืบต่อและรู้อารมณ์เช่นกัน แต่อารมณ์ที่จิตรู้ตอนหลับสนิทไม่ต้องอาศัยทวาร เพราะไม่ได้เป็นอารมณ์ที่ปรากฏในชีวิตประจำวันเหมือน สี ที่อาศัยรู้ทางทวารตา , เสียง ที่อาศัยรู้ทางทวารหู , ... เย็น-ร้อน, อ่อน-แข็ง ฯลฯ ที่อาศัยรู้ทางทวารกาย, หรือ ธรรมารมณ์ ที่อาศัยรู้ทางใจ อย่างในขณะนี้ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นไปได้หรือไม่ครับ เพราะมีกายวิญญาณ (เกี่ยวข้องกับสมองและประสาทต่างๆ ) จึง
มีเราพอช่วงเราหลับสนิทไม่ฝัน ขณะนั้น กายวิญญาณไม่มี จึงไม่มีเราเลย (ทั้งๆ ที่จิต
เจตสิก รูป ยังคงเกิดดับอยู่) ผมกำลังว่านอกตำรานิดนึงครับ
เรียนความเห็นที่ 5คำว่าไม่มีเราหมายถึงไม่มีเราแต่มีสภาพธรรม ไม่มีสัตว์ บุคคลแต่มีสภาพธรรม ดังนั้น
เมื่อกล่าวว่ามีแต่จิต เจตสิก รูปแล้วก็แสดงถึงความเป็นอนัตตา ความไม่มีเราเพราะมี
แต่สภาพธรรมแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นขณะที่ไม่ได้หลับสนิท หรือหลับสนิทก็ตาม ซึ่งตาม
ความเป็นจริงก็มีแต่เพียงสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูป นั่นแสดงว่า ไม่มีเราแต่มีแต่
สภาพธรรมไม่ว่าจะหลับหรือตื่นก็ตามครับ แม้แต่คำที่ว่ามีกายวิญญาณนั้น คำว่ากาย-
วิญญาณก็คือจิตประเภทหนึ่ง เมื่อเป็นจิตก็ปฏิเสธความเป็นเรา ความเป็นสัตว์ บุคคล
แล้วครับและแม้ขณะหลับสนิท กายวิญญาณ จะไม่เกิดแต่ก็ต้องมีจิต เป็นภวังคจิต เมื่อ
เป็นจิตก็ปฏิเสธความเป็นเรา ไม่มีเรามีแต่สภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก รูป ในขณะนั้น
ด้วยครับ เพราะฉะนั้น ทุกช่วงเวลาจึงมีแต่สภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก รูป เมื่อเป็นแต่
เพียงสภาพธรรมจึงไม่มีเราเพราะมีแต่สภาพธรรมครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความต่อไปนี้ เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นครับ
อารมณ์ วิญญาณ
ไม่มีเรา...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ตามลิ้งค์ เข้าไปอ่านแล้วได้ประโยชน์ มากครับ ท่านอาจารย์
รู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ เข้าใจในสิ่งที่ยังคลางแคล
ขออนุโมทนาค่ะ อ่านลิ้งค์เรื่องอารมณ์และวิญญาณ ที่ อ.คำปั่นกรุณาส่งมา มีประโยชน์
มากและทำให้เข้าใจยี่งขึ้นจริงๆ ขอขอบพระคุณค่ะ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ทุกขณะของชีวิตเป็นจิตแต่ละขณะ ไม่มีขณะใดเลยที่ว่างเว้นจากจิต ไม่ว่าจะเป็นขณะที่หลับหรือตื่น เมื่อจิตเกิดชึ้นก็ต้องรู้อารมณ์ เพราะลักษณะของจิตคือ มีการรู้แจ้งอารมณ์เป็นลักษณะ ความจริงเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ