ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อความบางตอน จากหนังสือ
ปรมัตถธรรมสังเขป ฯโดย
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ผู้อบรมเจริญวิปัสสนา-ภาวนา ต้องเป็น "ผู้ตรง" (ผู้ตรง คือ ตรงต่อสภาพธรรมตามความเป็นจริง) คือ รู้ว่า "ยังมีกิเลสครบทุกอย่าง" และ "ยังไม่ต้องการดับโลภะ" ให้หมดก่อน เนื่องจาก ผู้ที่เป็น "ปุถุชน" จะข้ามไปสู่ "ความเป็นพระอรหันต์" ทันที ไม่ได้ เพราะต้องดับ "โลภะที่เกิดร่วมกับสักกายทิฏฐิ ที่ยึดถือสภาพธรรมที่เกิดร่วมกัน ว่า เป็นตัวตน สัตว์ บุคคล ให้หมดสิ้น เป็นสมุจเฉทก่อน "กิเลสอื่นๆ " (ที่เหลือ) จึงจะดับหมดสิ้นเป็นสมุทเฉทได้ต่อไป ตามลำดับ
สภาพธรรมแต่ละอย่าง เกิดขึ้นแล้วก็ดับหมดสิ้นไป "อย่างรวดเร็ว" อยู่ตลอดเวลา พระผู้มีพระภาค ทรงแสดง "หนทางปฏิบัติ" ที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อให้รู้แจ้ง "อริยสัจจธรรม" เหล่านั้น ตามความเป็นจริงว่า "มีหนทางเดียว" คือ การเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่
สัมมาทิฏฐิ (ปัญญาเจตสิก) ๑
สัมมาสังกัปปะ (วิตกเจตสิก) ๑
สัมมาวาจา (สัมมาวาจาเจตสิก ๑
สัมมากัมมันตะ (สัมมากัมมันตเจตสิก) ๑
สัมมาอาชีวะ (สัมมาอาชีวเจตสิก) ๑
สัมมาวายามะ (วิริยเจตสิก) ๑
สัมมาสติ (สติเจตสิก) ๑
สัมมาสมาธิ (เอกัคคตาเจตสิก) ๑
ในเบื้องต้น ที่โลกุตตรจิต ยังไม่เกิดมรรคมีองค์ ๕ ย่อมกระทำกิจร่วมกันในขณะที่ สติ ระลึก-รู้-ตรงลักษณะของสภาพธรรม (สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติ ตามความเป็นจริง) ซึ่ง เป็นนามธรรม หรือ รูปธรรม "อย่างใด-อย่างหนึ่ง" (ที่กำลังปรากฏ) ทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ (ทางใด-ทางหนึ่ง-ทีละทาง) และ ปัญญาเจตสิก (สัมมาทิฏฐิ) ที่เกิดร่วมกับ สติเจตสิก (สัมมาสติ) ในขณะนั้นก็เริ่ม-สังเกต-พิจารณา-รู้-ลักษณะของนามธรรม หรือ รูปธรรม นั้นๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย บ่อยๆ เนืองๆ จนกว่าจะ "รู้ชัด" ว่า (สภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนั้นๆ ) เป็น "นามธรรม" หรือเป็น "รูปธรรม"
ที่กล่าวว่า "มรรคมีองค์ ๕" เพราะเหตุ คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด โดยยังไม่ใช่ขณะที่เป็น โลกุตตรมัคคจิต (โดยทั่วไป-ในบางขณะ) เว้นวิรตีเจตสิก ๓ เพราะว่า วิรตีเจตสิกทั้ง ๓ ประเภท คือ สัมมาวาจาเจตสิก สัมมาอาชีวเจตสิก สัมมากัมมันตเจตสิก จะเกิดพร้อมกันในขณะที่เป็นโลกุตตรจิต เท่านั้น
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ