จากการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ
อาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ช่วงเช้า
ทุกท่านมีเวลาไม่มาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว ชีวิตของเราก็เป็นไปในเรื่องอื่น แต่ถ้าเทียบกับการที่ได้ฟังพระธรรม ก็จะรู้ได้ว่าในสังสารวัฎฎ์ที่ยาวนานจนถึง ณ บัดนี้และต่อไป เวลาที่จะได้โอกาสฟังจริงๆ พิจารณาจริงๆ และเริ่มเข้าใจพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงนี้ ก็ไม่มากเลย เพราะฉะนั้น ก็เป็นโอกาสสำหรับพุทธบริษัทที่จะได้สนทนาธรรม เพราะว่าในครั้งพุทธกาล ตอนที่มารทูลเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพาน พระองค์ก็ตรัสว่า “ตราบใดที่พุทธบริษัท ๔ ซึ่งก็หมายความถึง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจอย่างแตกฉานในพระธรรม ก็ยังไม่ปรินิพพาน ถึงจะปรินิพพานไปแล้ว ก็ยังเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททั้ง ๔ ซึ่งบัดนี้ก็เหลือแต่เพียง ๓ เพื่อที่จะได้สนทนา เพื่อรักษาพระธรรมไว้ด้วยความเข้าใจของเราที่ถูกต้อง มิฉะนั้น เราจะคิดถึงพระพุทธศาสนาตามความคิดความเข้าใจของเราเอง ต่างคนต่างคิด ต่างจากความเป็นจริง พระธรรมที่ทรงแสดง ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์ เพราะฉะนั้นการที่จะได้มีโอกาสจะได้ยิน ได้ฟัง แต่ละคำที่ทรงแสดงในครั้งโน้นและได้จารึกสืบทอดมาจนถึงยุคนี้ สมัยนี้ก็เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดในชีวิต แต่ละชาติที่จะบูชาพระคุณที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ไม่ใช่เพื่อที่รู้แจ้งสภาพธรรมเพียงพระองค์เดียว แต่เพื่อที่จะให้บุคคลอื่นมีโอกาสได้เข้าใจธรรมด้วย
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ต้องสะสมบุญมาจริงๆ จึงมีโอกาสได้ฟัง เมื่อมีโอกาสแล้ว จึงควรฟังพระธรรมด้วยความใส่ใจยิ่งบ่อยๆ เนืองๆ จริงๆ
ผู้ใดไม่ประมาท จงเริ่มพยายามขวนขวายในพระพุทธศาสนา จงกำจัดเสนาของมัจจุมาร เหมือนกุญชรช้างประเสริฐ ย่ำยีเรือนไม้อ้อฉะนั้น ผู้ใดไม่ประมาท เห็นแจ้งในพระธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสาร จักทำที่สุดทุกข์ได้
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ