ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๕๕
~ พาลที่ร้ายกาจที่สุดคือความเห็นผิด เพราะเหตุว่าคำพูดทุกคำเป็นคำเท็จ ไม่ใช่คำจริง
~ อาจหาญที่จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วทิ้งส่วนที่ผิดทันที เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทิ้งทันทีโอกาสที่จะเสพคุ้น (กับสิ่งที่ผิด) ย่อมเพิ่มขึ้นแล้วก็ยิ่งละลำบากมากขึ้น
~ ใครจะเป็นอย่างไร มีความคิดเห็นอย่างไรกระทำทุจริตแค่ไหนระดับไหน ใจของเราไม่ขุ่นข้อง แต่ถ้าใจเราขุ่นข้อง ขณะนั้นก็เป็นพาลอีกเหมือนกัน เรานั่นแหละที่เป็นพาล
~ บัณฑิตที่แท้จริงที่ประเสริฐที่สุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสาวกทั้งหลายผู้ศึกษาธรรมด้วยความตรง ด้วยความจริงใจ ก็เป็นผู้ที่เป็นบัณฑิต ควรแก่การคบ เพราะเหตุว่านำมาซึ่งประโยชน์
~ ต้องเข้าใจ ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูก ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกแล้วกลัวอะไร เพราะถูกต้อง แต่ถ้าผิดก็รีบแก้ไขเสีย เลิกเสีย เปลี่ยนเสีย หันกลับมาเป็นผู้ที่ตื่น ศึกษาธรรม เข้าใจธรรม แล้วก็รักษาพระศาสนาได้ โดยการที่เข้าใจทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ น่าที่จะพิจารณาชีวิตของแต่ละท่านจริงๆ ให้เป็นผู้ที่สะอาด ให้เป็นผู้ที่มีกายสุจริต พร้อมกันนั้นก็เป็นผู้ที่ตรง ที่จะรู้สภาพธรรมที่สะสมมาในสังสารวัฏฏ์ฎ์ที่ทำให้เป็นบุคคลต่างๆ กัน นอกจากจะเห็นว่าเป็นโทษ เห็นว่าเป็นภัยแล้ว ก็ควรที่จะมีความประสงค์ มีหิริ มีความละอายเกิดขึ้น ที่จะขัดเกลาละคลายอกุศลแต่ละอย่างนั้นให้เบาบาง อย่าเห็นว่าไม่เป็นโทษไม่เป็นภัย เพราะเหตุว่าถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่มีวันที่จะตั้งต้นที่จะคลายอกุศลทั้งหลายได้
~ จะต้องเป็นผู้ที่มีกุศลจิต ที่ใคร่ที่จะขัดเกลาอกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นการยากถ้าได้สะสมมาในสังสารวัฏฏ์ฎ์แสนนาน แล้วก็จะให้หมดสิ้นไปในวันเดียว ๒ วัน เดือนหนึ่ง ชาติหนึ่ง เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเกิดหิริ ความละอายขึ้น แล้วเห็นว่าเป็นอกุศล แล้วก็รู้ว่า อกุศลที่ได้สะสมมา ไม่ได้หมดไปโดยเร็วแน่ แต่ว่าย่อมหมดได้ ถ้ามีความเพียร และมีกุศลเจตนาจริงๆ ที่จะขัดเกลา แต่ว่าต้องเกิดหิริโอตตัปปะก่อน มิฉะนั้นก็จะไม่เห็นว่า อกุศลต่างๆ เหล่านั้นเป็นโทษเป็นภัย
~ จิตใจของเราเศร้าหมอง ไม่สะอาด สกปรก เต็มไปด้วยอกุศล
~ พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัดวาอาราม ไม่ได้อยู่ที่สิ่งก่อสร้างใดๆ แต่อยู่ที่ความเข้าใจของพุทธบริษัท ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ธรรมก็ลบเลือนแล้ว เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ จะถามว่า พระพุทธศาสนา อันตรธาน (ลบเลือน หายไป) หรือยัง? อันตรธานจากผู้ไม่ฟังพระธรรม เมื่อไหร่ที่ไม่มีการฟังพระธรรม ก็ไม่มีผู้ใดเลยที่จะเป็นชาวพุทธที่แท้จริง
~ คำพูดไม่ดี มีใครอยากฟังบ้าง? ไม่มีใครอยากฟัง
~ ถ้าเสียสละไม่ได้ ก็ทำความดีไม่ได้
~ ถ้าเข้าใจผิด ก็พูดผิด ถ้าเข้าใจถูก ก็พูดถูก
~ ทำไปด้วยความไม่รู้ ไม่มีทางที่จะรู้ได้ เพราะไม่รู้
~ ผู้หลงงมงาย จะเป็นชาวพุทธไม่ได้ ชาวพุทธต้องรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ เมื่อมีความเข้าใจถูก ก็สามารถรู้ว่า สิ่งใดเป็นอกุศล สิ่งที่ไม่ดี และธรรมที่ตรงกันข้าม คือ ความดีนั้น คืออะไร ถ้ามีปัญญาเหมือนแสงสว่างก็จะนำไปสู่ทางของกุศล ห่างไกลจากอกุศลซึ่งเคยมีมากมาย แต่ว่าห่างทันทีไม่ได้เลย ค่อยๆ เป็นไปตามความเข้าใจ
~ เมตตาคือความหวังดี ความเป็นมิตร ไม่เลือกด้วย ไม่ว่ากับใคร พร้อมที่จะเกื้อกูล ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยเหลือหรือทำอะไรได้ นี่คือความเป็นมิตร
~ มีทางที่จะพิจารณาเพื่อที่จะให้เกิดขันติ (ความอดทน) และเป็นกุศลเพิ่มขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำความเสียหาย ความเดือดร้อนให้ การกระทำของเขานั้นๆ ก็ดับไปในที่นั้นๆ ทำไมเราถึงจะยังโกรธต่อ ในเมื่อการกระทำนั้นหมดแล้ว จบแล้ว ดับแล้ว ขณะนี้เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นแล้ว แต่ยังอุตส่าห์ไปคิดถึงเรื่องเก่าที่เขาทำ เพื่อที่จะให้ตนเองโกรธต่อไปอีก
~ ใครที่มักโกรธในชาตินี้ ให้ทราบว่าชาติก่อนๆ ก็ต้องมักโกรธ แล้วถ้าชาตินี้ยังมักโกรธอย่างชาตินี้ต่อไปอีก ก็ให้นึกถึงภาพชาติหน้าได้ว่าจะเป็นอย่างไร อยากจะเป็นอย่างนั้นต่อไป หรือว่าอยากเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ใช่อย่างนี้ ถ้าอยากจะเป็นอย่างอื่น ก็ต้องเริ่มสะสมทางฝ่ายกุศลไว้เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้
~ ผู้ที่พร้อมจะให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่น เมื่อเห็น เมื่อรู้ความต้องการของบุคคลอื่น ก็เป็นผู้ละเอียดในการเจริญกุศล เพราะรู้ความจำเป็นแล้วมีจิตกรุณาเกิดขึ้น ไม่ต้องรอให้เขาขอ ก็ให้
~ ฟังธรรม ประโยชน์ คือ ได้รู้ว่าความจริงคืออะไร อะไรถูกอะไรผิด เพราะฉะนั้น
ไม่ว่าจะเคยได้ยินได้ฟังอะไรมามากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ฟังสิ่งที่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะรู้ว่า อะไรผิด แต่ถ้ายังไม่ได้ฟังสิ่งที่ถูกเลย ก็เชื่อว่าสิ่งที่ผิดๆ นั่นแหละถูก จนกว่าจะได้ฟังสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อพิจารณาเห็นความจริง เห็นความถูกต้อง ก็สามารถที่จะละความเห็นผิดได้ ถ้าเป็นผู้ที่ตรง
~ คนที่ไม่รู้เขาทำชั่ว แต่คนที่รู้เขาไม่ทำ เพราะรู้ว่าความชั่วเป็นโทษทั้งกับตนเองและคนอื่น นำมาซึ่งทุกข์โทษภัยต่างๆ ซึ่งผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยละเอียดยิ่ง ซึ่งถ้ารู้จริงๆ อย่างนี้ คนรู้ไม่ทำชั่ว เพราะฉะนั้น ถ้าทุกคน เข้าใจถูกต้อง โลกนี้ก็เป็นโลกที่ไม่เดือดร้อน ไม่มีการฆ่ากันไม่มีการประทุษร้ายเบียดเบียนกัน เป็นโลกที่อยู่ด้วยกันด้วยความสงบ และถ้ามีปัญญายิ่งขึ้น โลกนี้ก็ยิ่งสงบมากขึ้น
~ ทำความดี คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่ชวนกันไปพูดคำที่ไม่รู้จัก
~ พูดคำที่ไม่รู้จักแล้วจะเป็นมงคล นั่น ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน
~ ทุกคนที่เห็นประโยชน์ในการที่จะได้เข้าใจธรรมและจะดำรงรักษาพระพุทธศาสนา สำหรับคฤหัสถ์เราก็ทำหน้าที่ของเรา คือ ศึกษาธรรมแล้วก็เผยแพร่ให้เข้าใจถูกต้องว่า พระธรรมคืออย่างไร พระวินัยคืออย่างไร ส่วนผู้ที่มีหน้าที่ทางกฎหมายหรือทางอื่นก็ทำหน้าที่ของเขา แต่สำหรับเราก็มีหน้าที่ที่จะให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งทุกคนก็สามารถที่จะรับฟังได้ พิจารณาได้ และ ร่วมกันที่จะทำกุศล ที่จะรักษาพระพุทธศาสนาต่อไปได้
~ ก่อนจะละจากโลกนี้ไป สิ่งที่มีค่าที่สุด คือ ได้เข้าใจความจริง
~ เป็นคนดี เพราะรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูกอะไรผิด ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง (ที่เป็นความดี) ปัญญาถือเอาเฉพาะสิ่งที่ควร ทิ้งสิ่งที่ไม่ควร
~ ถ้าไม่มีพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ๔๕ พรรษา ไม่มีทางที่จะมีความเห็นถูกต้องเกิดขึ้นได้เลย เมื่อไม่รู้ ก็มีความเห็นผิด
~ พระภิกษุเป็นผู้ที่สงบ เป็นผู้ที่สละ ผู้ที่ละชีวิตของคฤหัสถ์เพราะเห็นภัยในสังสารวัฏฏ์และเป็นผู้ที่สงบจากกิเลส เพราะฉะนั้น ขณะที่ทำสิ่งที่คนอื่นหัวเราะชอบใจเหมือนจำอวด ขณะนั้นไม่ใช่พระภิกษุ เพราะไม่ใช่ผู้สงบ
~ เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ก็ต้องศึกษาพระธรรมและประพฤติตามพระวินัย
~ เพราะไม่รู้คุณของพระพุทธศาสนา ก็จะทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การกล่าวถึงคำที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ หวังดี เกื้อกูล เป็นประโยชน์
ให้คนฟังได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น กัลยาณมิตรสูงสุด ก็คือ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำจริง ไม่ได้หวังให้ใครเข้าใจผิด ทรงแสดงธรรมโดยนัยต่างๆ มากมาย หลากหลาย โดยประการทั้งปวง ที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ พระพุทธศาสนา คือ คำสอน ซึ่งเป็นคำสอนของพุทธะ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แล้วจะเป็นชาวพุทธหรือ? ก็เป็นชาวพุทธที่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา
~ ได้ฟังข่าวเรื่องราวของการประพฤติทุจริต ประพฤติผิดต่างๆ รู้เลยว่าไม่มีปัญญา เพราะถ้ามีปัญญาจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง.
ขอเชิญคลิกฟังบางช่วงบางตอนการสนทนาได้ที่นี่ ครับ
ในหัวข้อ "พระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธไม่รู้จัก"
พระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธไม่รู้จัก
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๕๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ