ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๕
โดย khampan.a  4 ต.ค. 2558
หัวข้อหมายเลข 27051

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๕

~ อย่าได้คิดว่า มีอำนาจ หรือมีตัวตน หรือจะบังคับสภาพธรรมทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ให้ทราบว่า สภาพธรรมทุกอย่างที่เกิด เกิดเพราะเหตุปัจจัย ถ้าสติเกิดระลึกทัน ก็จะเห็นโทษของความโกรธ แล้วก็รู้ว่า ถ้ายังโกรธต่อ ต่อไปข้างหน้าความโกรธก็มีปัจจัยที่จะเกิดอีกมาก

~ ไม่มีใครสามารถทำให้เกิดจิตเห็น จิตได้ยิน หรือจิตเป็นกุศล หรือจิตเป็นอกุศลได้ แต่สภาพธรรมทุกอย่างมีปัจจัยจึงเกิดขึ้น ซึ่งปัญญาสามารถที่จะอบรมรู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมนั้นว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน

~ จุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรม เพื่อให้รู้ความจริงของสภาพธรรมว่า ไม่ใช่จะไปบังคับ แต่ว่ารู้ได้ว่า สภาพธรรมทุกอย่างไม่ใช่ตัวตนเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

~ ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอนาคามีบุคคล อย่าไปถามใครเลยเรื่องวิธีอื่นที่จะทำให้ไม่มีโทสะ เพราะเหตุว่ามีวิธีเดียวเท่านั้น คือ ต้องเจริญปัญญาจนรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงขั้นพระอนาคามีบุคคลเมื่อไร เมื่อนั้นจึงจะไม่มีโทสะ

~ ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ของเรา แม้แต่ความโกรธในขณะนั้นก็ไม่ใช่เรา และไม่ใช่ของเรา ถ้าสามารถจะรู้ตามความเป็นจริงอย่างนี้ ทุกข์ก็จะลดน้อยลง เพราะว่าไม่ยึดถือโลภะ โทสะ โมหะ และธรรมทั้งหลายว่าเป็นของเรา เมื่อไม่มีเรา ก็ไม่มีบุคคลอื่น เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

~ การฟังพระธรรมมีอุปการะมาก ไม่ควรประมาทที่คิดว่า รู้แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่ฟัง แต่จะเห็นได้ว่า ขณะใดที่ไม่ฟัง เพราะอะไร ขณะนั้นต้องเป็นเพราะอกุศลจิตที่เกิด แต่ขณะที่ฟัง ขณะนั้นก็เป็นกุศล และเมื่อฟังแล้วเข้าใจ ก็จะยิ่งเห็นประโยชน์ว่า ไม่ควรที่จะขาดการฟังเลย ตราบใดที่ยังไม่ประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง และหนทางเดียวที่จะเกื้อกูลให้โยนิโสมนสิการ (การใส่ใจอย่างถูกต้องแยบคาย) เจริญได้จริงๆ ก็คือฟังพระธรรมให้เข้าใจละเอียดขึ้น

~ มีเจตนาที่จะกล่าวธรรม มีเจตนาที่จะแสดงสัจจธรรม ไม่ว่าใครจะรับหรือไม่รับ ผู้ที่มีเจตนาที่จะแสดงสัจธรรมก็ไม่มีบาป

~ ใครก็ตามที่พูดไม่จริง ควรที่จะสังวร และเห็นโทษ และมีโยนิโสมนสิการที่จะไม่กระทำอย่างนั้นอีก

~ การฟังเรื่องจิต ก็เพื่อให้เข้าใจจิตที่กำลังปรากฏหรือเกิดขึ้นในขณะนั้น เพื่อที่จะได้รู้ชัดว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

~ กิจขณะสุดท้ายของจิตคือทำให้เคลื่อนพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ จะเป็นคนนี้อีกต่อไปไม่ได้เลยสักขณะเดียวเงินทองมหาศาลก็ซื้อที่จะให้เป็นขณะนั้นต่อไปสักหนึ่งขณะก็ไม่ได้แล้วก็เกิดเลย พอจิตขณะสุดท้ายดับ กรรมที่พร้อมจะให้ผลในชาติหน้ามีอยู่แล้วแต่ยังไม่ถึงเวลา แต่ถึงเวลาต่อเมื่อจิตขณะสุดท้ายดับพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้กรรมนั้นก็ทำให้จิต เจตสิก รูป เกิด

~ ถ้าทำผิดแล้วไม่รู้ว่าผิด ขณะนั้นหิริ (ความละอายต่อบาป) โอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อบาป) ก็ไม่เกิด แต่ว่าถ้าทำผิดแล้วก็รู้ว่าผิด ที่รู้ว่าผิดนั้นคือหิริและโอตตัปปะเกิดจึงรู้ว่าผิด ถ้าผู้นั้นรู้ว่าผิดแล้วก็มีหิริโอตตัปปะที่จะแก้หรือจะขัดเกลาอกุศลของตนเอง วันหนึ่งๆ ก็จะทำให้ความละอายต่ออกุศลเพิ่มขึ้นได้ แต่ว่าจะเห็นได้จริงๆ ว่า การที่จะเป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้ละอายต่ออกุศลนั้นไม่ง่ายเลย แต่สำหรับบางท่านที่ได้ขัดเกลามามากแล้วก็ง่าย เพราะเหตุว่าท่านได้สะสมอบรมมาที่จะเป็นผู้ที่ตรงที่จะรู้ว่า ขณะใดเป็นสิ่งที่ผิด และขณะใดเป็นสิ่งที่ถูก

~ ใครไม่ดีนั้น เรื่องของคนอื่นทั้งหมด ถ้าสามารถจะอนุเคราะห์เกื้อกูลได้ ควรทำ แต่ถ้าไม่สามารถจะอนุเคราะห์เกื้อกูลได้ แม้ว่าจะไม่ใกล้ชิด แต่ก็มีเมตตาได้ การใกล้ชิดอาจจะทำให้เกิดอกุศลมากมายเพิ่มขึ้น แต่ว่าถ้าไม่ใกล้ชิดแล้วมีเมตตา เวลาที่ถึงกาลที่จะอนุเคราะห์ ก็อนุเคราะห์ด้วยเมตตาได้

~ ในขณะนี้ที่กำลังฟังพระธรรม ให้เข้าใจว่า กำลังฟังเรื่องของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเพื่อให้เข้าใจ และสภาพธรรมที่เข้าใจนั้นไม่ใช่เรา แต่เป็นปัญญาเจตสิกนั่นเอง
~ ถ้าปราศจากปัญญา ก็ต้องวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์

~ ปัญญาทำให้รู้ว่า อวิชชาไม่ดี

~ ถ้าไม่มีปัญญา จะเห็นอกุศลไหม
ถ้าไม่มีปัญญา คิดที่จะขัดเกลา (อกุศล) ไหม
พฤติกรรมที่ปรากฏของกิเลส ยังน้อยกว่าที่มีจริง
แล้วกิเลสในชาตินี้ แล้วก็ชาติก่อนและชาติหน้าใครจะรู้
กิเลสที่เหมือนไม่ปรากฏในชาตินี้ แต่ยังไม่ทันจากโลกนี้ไป
จากขณะที่เหมือนไม่มีกิเลสประเภทนั้นๆ ก็ยังมีกิเลสประเภทนั้นๆ เกิดขึ้น
เพราะสิ่งที่ปรากฏเหมือนสิ่งที่โผล่ขึ้นจากน้ำ สิ่งที่อยู่ใต้น้ำมากมายแค่ไหน

~ ถ้ายังไม่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และมีแต่อกุศลมากๆ ไม่มีกุศลหรือการขัดเกลาหรือการบำเพ็ญกุศลอื่นเลย จิตใจก็ยอมคล้อยตาม เป็นไปตามอกุศล

~ ปัญหาทุกอย่างมาจากอกุศล

~ กุศล (ความดี) ทั้งหมด ไม่ทำให้เกิดปัญหา

~ ถ้าเป็นคนเลว ใครจะบูชาบ้าง

~ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะคุณธรรม (ธรรมฝ่ายดี)

เป็นคนดี ก็เพราะคุณธรรม.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม...ครั้งที่ ๒๑๔

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย เมตตา  วันที่ 4 ต.ค. 2558

ขอความนอบน้อมจงมีแค่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น..

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลทุกประการของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย อนุโมทนา  วันที่ 4 ต.ค. 2558

เมื่อยังละทิฏฐาสวะไม่ได้ ทางเดียวจริงๆ (ไม่มีทางอื่น) ฟังพระธรรม บางครั้งฟังแบบจิตจดจ่อคำที่พูด บางครั้งพิจารณาสภาพธรรมเพราะ อาจารย์จะยกตัวอย่างเรื่องเห็นเป็นส่วนมาก แต่ไม่นานจิตคิดเรื่องอื่นก็แทรกเข้า ก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน สาธุ ค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย jirat wen  วันที่ 4 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย Wisaka  วันที่ 4 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย thilda  วันที่ 4 ต.ค. 2558

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.คำปั่น อักษรวิลัย ค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย Boonyavee  วันที่ 4 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย Davis29212  วันที่ 5 ต.ค. 2558

ขอกราบอนุโมทนา ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และอาจารย์ คำปั่น อักษรวิลัย เป็นความจริงแท้ ที่พระพุทธองค์ ตรัสว่ากิเลสมีมากเท่าไหร่ก็ทุกข์มากเท่านั้น กราบอนุโมทนาอย่างยิ่งครับ


ความคิดเห็น 8    โดย tanrat  วันที่ 5 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 5 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย ครับ


ความคิดเห็น 10    โดย aurasa  วันที่ 5 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย jaturong  วันที่ 5 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย Noparat  วันที่ 5 ต.ค. 2558

~ ปัญญาทำให้รู้ว่า อวิชชาไม่ดี

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย j.jim  วันที่ 5 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ