กลับมาจากอินเดีย ได้ทราบข่าวพี่ที่ทำงานเป็นมะเร็ง รู้สึกใจหาย เพราะคนใกล้ตัวป่วยเป็นมะเร็งหลายคนมาก ดิฉันไปเยี่ยมก็พยายามให้กำลังใจเขา ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยก็หวังดีอยากให้เพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็งได้ศึกษาธรรมะ ผู้ป่วยก็ยังปฏิเสธว่ายังไม่พร้อม ดิฉันก็ได้แต่บอกเพื่อนว่าอย่าไปเซ้าซี้เขาเลย ถ้ายังไม่มีเหตุปัจจัย เขาก็คงยังไม่สนใจหรอก ปล่อยเขาไปก่อน เมื่อไร เขาพร้อมหรือสนใจ เขาคงจะมาหาเราเอง
ผู้ป่วยเมื่อทราบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่ก็ยังทำใจไม่ได้ ต้องใช้เวลาในการปรับตัวชีวิตมักเป็นเช่นนี้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่ทุกคนต้องพบ แต่ทุกคนก็ไม่อยากพบอยากเจอกับความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย พยายามต่อสู้ทุกวิถีทาง จนกลายเป็นความทุกข์ มีทางเดียวที่จะช่วยรักษาได้ คือ ธรรมะของพระพุทธเจ้า แต่จะทำอย่างไรให้ทุกคนเข้าใจธรรมะได้
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สัตวโลกเป็นไปตามการสะสมมา สะสมที่จะสนใจพระธรรม หรือไม่สนใจ หรือสนใจธรรม แล้วแต่ก็สะสมไปในทางเห็นถูกและเห็นผิด สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ว่าจะให้สนใจหรือไม่สนใจ จะเห็นถูกหรือเห็นผิด แผ่นดินโลกนี้ ไม่มีใครถมให้เสมอกันได้ จะทำให้แต่ละคนสนใจพระธรรมไม่ใช่ฐานะ แม้พระพุทธเจ้า ก็ช่วยไมได้ หากบุคคลนั้นไม่ได้สะสมมา พระองค์เป็นแต่ผู้บอกทาง บางคนไม่อยาก ไป พระองค์ไม่ตรัสบอก เพราะไม่เป็นประโยชน์ บอกทางแล้ว บางคนไปทางผิด ไป ทางถูก จะทำอย่างไรได้ เพราะตามการสะสมมา หากแต่ว่า กิจที่ควรทำที่สำคัญที่สุด คือความเข้าใจธรรมของเราว่าถูกต้องเพียงไร ตรงตามพระธรรมวินัยหรือไม่ มิเช่นนั้น เราก็อาจจะเผยแพร่แนะนำในสิ่งที่ผิดก็ได้โดยไม่รู้ จึงเริ่มที่เราเอง คบความเห็นถูก บุคคลที่เห็นถูกและแนวทางที่ถูกต้องครับ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
ธรรมะไม่ใช่สาธารณะ
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
ว่าด้วยการทำที่เหลือวิสัย [การันทิยชาดก]
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อ่านหนังสือ มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา โดยสาวิกา ศาสตรพงศ์ หน้าที่ ๒๒-๒๓ อ่านแล้วน่าจะเป็นประโยชน์คลิกอ่านตามชื่อหนังสือได้เลยนะคะ ผู้เขียนเล่าถึงความรู้สึกตอนที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมว่า หวั่นไหวมาก กลัว วิตกกังวล ฯลฯ และได้เล่าให้ท่านอ.สุจินต์ ฟัง ท่านอาจารย์ บอกว่า มะเร็งก็เป็นเพียงชื่อ เหมือนโรคอื่นๆ คำพูดสั้นๆ ของท่านอาจารย์ทำให้ผู้เขียน คิดได้ว่าที่เป็นทุกข์เพราะชื่อมะเร็ง
เมื่อความตายใกล้มาเยือน ไม่ว่าเป็นผู้ใด ต่อให้ศึกษาธรรมมานานแค่ไหน ก็คงทำใจ ได้ยากจริงๆ เพราะพวกเรายังคือ "ปุถุชน"
ขออนุโมทนาครับ
ถ้าผู้ป่วยไม่พร้อมที่จะศึกษาพระธรรม ก็อยู่ดูแลกันและกันด้วยเมตตาครับ เขาอาจจะหงุดหงิดง่าย หรืออารมณ์ไม่ดีบ่อยๆ ก็ควรที่จะให้อภัยและให้กำลังใจ อยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างเขาครับ
ขออนุโมทนากับคำแนะนำจริงๆ ค่ะ ดิฉันอ่านแล้วทำให้เกิดปัญญา ตามที่อ.สุจินต์บอกจริงๆ ว่า มะเร็งก็เป็นเพียงชื่อเท่านั้นเอง แต่เราก็ยังยึดติดในสมมุตบัญญัติ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของคนทั่วไปที่ต้องหวั่นไหวไปตามเหตุปัจจัย สำหรับตัวเองคิดว่าเตรียมตัวเตียมใจพร้อม ณ.วันนี้แต่ถ้าเจอเหตุการณ์จริงก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำใจได้เหมือนที่คิดหรือเปล่า ไปเยี่ยมพี่เขา ก็ได้แต่ให้กำลังใจ เพราะก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มากกว่านี้ เรื่องปฏิบัติธรรมนั้นคงจะไม่แนะนำแล้วแต่เหตุปัจจัยที่แต่คนสร้างมา เมื่อถึงเวลาเขาก็คงจะสนใจอยากศึกษาเอง
ผู้ป่วย เมื่อรู้ว่าป่วยแล้วก็ยากและนานมากกว่าจะทำใจได้ ผู้บริหารสูงสุดของที่ทำงานดิฉัน ท่านก็เป็น ยากมากที่จะแนะนำธรรมะให้ท่าน เพราะท่านทำกุศลทุกอย่างด้วยความหวังเพียงอย่างเดียวว่า ปาฏิหาริย์จะเกิด ท่านจะหาย ทุกคนในที่ทำงานได้แต่พูดจาให้กำลังใจมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ท่านก็อยู่ได้มาหลายปีมากจนทุกวันนี้ นับตั้งแต่ตรวจพบเนื้อร้ายนั้นที่ปอด
ชีวิตไม่มีเครื่องหมาย ใครๆ ก็รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์ แม้อยู่ได้ถึงชราก็ต้องตาย ชนทั้งหลายย่อมเศร้าโศกเพราะสิ่งที่ตนยึดถือว่าเป็นของเรา สิ่งที่เคยหวงแหนเป็นของเที่ยงไม่มีเลย จริงๆ แล้วความตายไม่น่ากลัว ที่กลัวคือ กลัวเจ็บ กลัวพลัดพรากจากของรัก กลัวเกิดในอบายภูมิ ฯลฯ ความตายเปรียบเหมือนคนที่นอนหลับสนิทตื่นขึ้นมา ก็เป็นอีกภพภูมิหนึ่ง แล้วแต่กรรมดีหรือกรรมชั่วนำเกิดค่ะ