สืบเนื่องจากในสื่อออนไลน์ต่างๆ มีคำสอนจำนวนมากที่สอนว่าพระอรหันต์ยังมีโลภะโทสะโมหะอยู่ บางรายที่เป็นฆราวาสก็กล่าวว่า พระอรหันต์ยังมีตัณหาอยู่ แต่เป็นตัณหาที่บางเบาไม่ก่อให้เกิดอกุศลกรรมด้วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง เป็นผู้ที่ดับกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย กิเลสทั้งหมด มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ไม่มีอยู่ในจิตของพระอรหนต์เลย อีกคำหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นพระอรหันต์ คือ พระขีณาสพ คำว่า ขีณาสพ มาจากภาษาบาลีว่า ขีณาสว แยกศัพท์เป็น ขีณ (สิ้นแล้ว) + อาสว (กิเลสที่หมักดอง, ไหลไป ๔ คือ ความติดข้องยินดีพอใจในกาม ความติดข้องในภพ ความเห็นผิดและความไม่รู้) รวมกันเป็น ขีณาสว เขียนเป็นไทยได้ว่า ขีณาสพ แปลว่า ผู้สิ้นอาสวะ หรือ ผู้มีอาสวะสิ้นไปแล้ว จึงเป็นอีกชื่อหนึ่งของพระอรหันต์ ซึ่งเป็นผู้ปราศจากกิเลสทั้งปวง ปราศจากอาสวะทั้งปวง จริงอยู่ อาสวะ ๔ นั้น ดับเป็นขั้นๆ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป กล่าวคือ
พระโสดาบัน ดับความเห็นผิด ได้
พระอนาคามี ดับความติดข้องยินดีพอใจในกาม ได้
พระอรหันต์ ดับความติดข้องในภพ และ ความไม่รู้ ได้
ดังนั้น อาสวะ เป็นอันดับได้อย่างหมดสิ้น เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นอาสวะทั้งปวง แล้ว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า พระขีณาสพ ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างครับ
ความหมายของขีณาสพ [อรรถกถา มูลปริยายสูตร]
เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อได้ศึกษาข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกและอรรถกาแล้ว ก็ทำให้เข้าใจได้ว่า ในประเด็นคำถาม เป็นความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ครับ
...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...
ยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาครับ