[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 553
๓๔. เรื่องภิกษุผู้เคยเป็นนักฟ้อนรูปที่ ๑ [๒๙๗]
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 43]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 553
๓๔. เรื่องภิกษุผู้เคยเป็นนักฟ้อนรูปที่ ๑ [๒๙๗]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภภิกษุผู้เคยเป็นนักฟ้อนรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "หิตฺวา มานุสกํ" เป็นต้น.
นักฟ้อนออกบวชได้บรรลุพระอรหัต
ได้ยินว่า นักฟ้อนนั้นเที่ยวเล่นกีฬาคือการฟ้อนชนิดหนึ่ง ฟังธรรมกถาของพระศาสดา บวชแล้วบรรลุพระอรหัต. เมื่อภิกษุนั้นกำลังเข้าไปบิณฑบาตกับภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ภิกษุทั้งหลาย เห็นบุตรของนักฟ้อนคนหนึ่งกำลังเล่นอยู่ จึงถามว่า "ผู้มีอายุ บุตรของนักฟ้อนนั่น เล่นกีฬาที่ท่านเล่นแล้วๆ, ท่านยังมีความเยื่อใยในกีฬาชนิดนี้อยู่หรือหนอแล" เมื่อภิกษุนั้นตอบว่า "ไม่มี" จึงพูดกันว่า "ท่านผู้เจริญ ภิกษุนี้กล่าวไม่จริง พยากรณ์พระอรหัตตผล."
พระศาสดาทรงสดับคำของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเราก้าวล่วงกิเลสเครื่องประกอบทั้งปวงได้แล้ว" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๓๔. หิตฺวา มานุสกํ โยคํ ทิพฺพํ โยคํ อุปจฺจคา สพฺพโยควิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
"ผู้ใด ละกิเลสเครื่องประกอบ อันเป็นของมนุษย์ ล่วงกิเลสเครื่องประกอบอันเป็นของทิพย์ได้ แล้ว, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งพรากกิเลสเครื่องประกอบทั้งปวงได้แล้วว่า เป็นพราหมณ์."
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 554
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า มานุสกํ โยคํ ได้แก่ อายุและกามคุณทั้ง ๕ อันเป็นของมนุษย์. แม้ในกิเลสเครื่องประกอบอันเป็นทิพย์ ก็นัยนี้เหมือนกัน.
บทว่า อุปจฺจคา เป็นต้น ความว่า ผู้ใดละกิเลสเครื่องประกอบ อันเป็นของมนุษย์ ก้าวล่วงกิเลสเครื่องประกอบอันเป็นทิพย์ได้แล้ว, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งพรากกิเลสเครื่องประกอบทั้งหมดแม้ ๔ อย่างใดแล้วว่า เป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุผู้เคยเป็นนักฟ้อนรูปที่ ๑ จบ.