* โรค คือสภาพที่เสียดแทง ประทุษร้าย ได้แก่โรคทางกาย และโรคทางใจ
* โรคทางใจ คือกิเลสอกุศลที่เกิดกับจิตใจ เพราะสะสมความไม่รู้ความจริงและกิเลสต่างๆ ไว้ในจิตมามากมายแสนนาน
* โรคทางใจ ซึ่งเกิดประทุษร้ายจิตอยู่เป็นประจำก็คือ โรคโลภ โรคเห็นผิด โรคสำคัญตน โรคโกรธ โรคริษยา โรคตระหนี่ เป็นต้น ซึ่งล้วนมาจากโรคหลง ไม่รู้ตามความเป็นจริงทั้งสิ้น
* บางคนอาจจะไม่ป่วยเป็นโรคทางกายเป็นเวลา หนึ่งปีบ้าง สองปีบ้าง หรือเป็นสิบๆ ปีบ้าง ก็อาจเป็นได้ แต่ที่จะไม่ป่วยโรคทางใจแม้เพียงครู่เดียวนั้น เป็นไปได้ยากยิ่ง เว้นแต่พระอรหันต์ผู้ดับกิเลสได้หมดสิ้น
* พระพุทธพจน์นี้ จึงแสดงถึงความมากมายของกิเลสอกุศลที่สะสมมาในจิต จึงมีปัจจัยให้เกิดโรคของจิตใจอยู่เป็นนิจ และความยากยิ่งที่จะดับโรคกิเลสได้หมดสิ้น
* กิเลสที่เป็นอาสวะ คือกิเลสที่บางเบา หมักดอง และไหลไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ โดยไม่รู้สึกตัวเลย จึงแสดงถึงความมากมายของกิเลสซึ่งเป็นโรคของจิตใจ
* พระอรหันต์ เป็นผู้ที่อบรมเจริญปัญญา สามารถดับกิเลสแม้บางเบาที่เป็นอาสวะได้หมดสิ้น จึงเป็นพระขีณาสพ (ผู้สิ้นอาสวะ)
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ