ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อความบางตอนจาก แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๙๑๘ บรรยายโดย ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์
... เมตตา ...
เป็นธรรมที่ตรงกันข้ามกับความโกรธตรงกันข้ามกับความพยาบาท ตรงกันข้ามกับความผูกโกรธ
เพราะฉะนั้น ถ้าสติสัมปชัญญะเกิดในขณะนั้น เห็นโทษของความโกรธ ไม่ใช่ไปพรรณนาโทษของความโกรธเวลาอื่น แต่เวลาที่ความโกรธเกิดขึ้นไม่เห็นเลยว่าเป็นโทษ ถ้าเป็นโดยลักษณะอย่างนั้นแล้วละก็เมตตาก็เจริญไม่ได้
แต่เวลาที่ความโกรธเกิดขึ้นแล้วสติสัมปชัญญะเห็นความโกรธนั้นว่า เป็นอกุศลที่ควรละด้วยเมตตา เมตตาจึงจะเจริญขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นโลภะ โทสะ โมหะ ริษยา มัจฉริยะ ที่จะเห็นโทษจริงๆ ได้ ต้องในขณะที่กำลังเกิดขึ้น
โทษแห่งความไม่อดทน ๕
๑. ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจ
๒. มีเวรมาก
๓. มีโทษมาก
๔. ตายโดยความหลงลืมสติ
๕. ตายแล้วเข้าถึงอบายภูมิ ๔ ภูมิใดภูมิหนึ่ง
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒ [เล่มที่ 78] - หน้าที่ ๙๔๔
ขออุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์
สาธุ
ขออนุโมทนา
สาธุ
เห็นโทษจริงๆ ในขณะที่เกิดขึ้น
ขอบพระคุณ อ่านแล้วเตือนใจได้คิด และยอมรับว่ายังเป็นได้เพียงแค่การคิด เพราะทุกครั้ง ขณะที่อกุศลจิตเกิด เพราะเหตุมี จึงเกิด และขณะที่เกิดนั้น...ยากจริงๆ ที่จะเห็นโทษ มักจะรู้และคิดได้ หลังจากขณะนั้นดับไปนานมากแล้ว แม้ว่านับตั้งแต่เริ่มฟังธรรมมา จะคิดได้เร็วขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังช้ากว่าอกุศล เห็นได้ชัดว่า สติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากแสนยากจริงๆ จึงต้องเป็นผู้ฟังมาก เพื่อสะสมความเข้าใจ เพื่อการค่อยๆ ระลึกได้บ่อยขึ้น แม้เวลานี้ จะยังไม่ใช่ปัญญาระดับสติปัฏฐานก็ตาม
ขออนุโมทนาคุณสารธรรม
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
เมื่อปัญญาเห็นโทษในขณะที่อกุศลธรรมเกิด ซึ่งพร้อมกับที่สติเกิดระลึก ก็จะค่อยๆ ละ อกุศลธรรมได้ทีละเล็กทีละน้อยตามกำลังของปัญญา
ขออนุโมทนาค่ะ
เมื่อใด สงบ จากอกุศล
เมื่อนั้น สงบ อย่างแท้จริง
กราบอนุโมทนา