1. ตามที่ได้รับทราบมาว่า การได้ไปนมัสการสังเวชนียสถานด้วยจิตเป็นกุศล จะส่ง ผลให้สามารถปฎิสนธิได้ในสวรรค์ ในชาติถัดไป ใช่หรือ ไม่ ครับ

2. ในกรณีที่ใช่ตามข้อ 1. จะเป็นการขัดแย้งกับ จุติจิต ที่ไม่สามารถ กำหนดได้ หรือไม่ครับ หรือว่า การนมัสการจะมีอานิสงส์เป็นพิเศษอื่นใด

ขอบคุณครับ

ไม่แน่นอน ถ้ากุศลนั้นส่งผลนำปฏิสนธิก็เกิดในสวรรค์ในชาติถัดไปได้ ถ้าอกุศลกรรมอื่นส่งผลนำเกิดย่อมเกิดในอบาย เพราะถ้ากล่าวโดยนัยของกรรมแล้ว ต้องเป็นครุกรรมเท่านั้นที่จะส่งผลนำเกิดในชาติถัดไปแน่นอน ถ้าไปนมัสการสังเวชนียสถานแล้วเกิดในสวรรค์ในชาติถัดไปได้ ทุกคนชาวพุทธที่ไปที่นั่นต้องไปเกิดบนสวรรค์ทุกคนหรือความจริงไม่เป็นเช่นนั้น แล้วแต่กรรมใดจะให้ผล ถ้าผู้ใดทำอนันตริยกรรมในชาตินี้ชาติถัดไปต้องเกิดในอบายแน่นอน แม้จะทำบุญสักเท่าไหร่ ก็ช่วยให้พ้นจากการเกิดในอบายไม่ได้

[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 309

เชิญคลิกอ่านได้ที่....

สังเวชนียสถานเป็นที่ควรเห็น [ทสฺสนียานิ]

สังเวชนียสถาน สถานเป็นที่ตั้งแห่งความสังเวช ความสลดใจแล้วหงอยหรือหดหู่เสียใจไม่เรียกว่าเป็น ความสังเวช ในที่นี้ความสังเวชนี้ หมายถึงความรู้สึกเตือนสำนึกที่ทำให้คิดได้ ทำให้จิตหันมานึกถึงสิ่งที่ดีงาม เกิดความไม่ประมาท (คือกุศลจิต) เพียรพยายามทำสิ่งที่เป็นกุศลต่อไป สังเวชนียสถานมี ๔ คือ

๑. ที่ๆ พระพุทธเจ้าประสูติ คือ อุทยานลุมพินี

๒. ที่ๆ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ ควงโพธิ์ ที่ตำบลพุทธคยา

๓. ที่ๆ พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ปัจจุบันเรียก สารนาถ

๔. ที่ๆ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน คือที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา เป็นสถานที่พิเศษที่ กุลบุตรกุลธิดาควรไป

ทำไมจะต้องหวังผลละครับ เพราะว่าถ้าหากอยากจะจุติบนสวรรค์ก็เป็นโลภะ เมื่อปฏิ-สนธิจิตจะเกิดนั้น ก็ไม่อาจจะหวังกุศลที่ไปนมัสการสังเวชนียสถานนั้นได้เลย เพราะไม่สามารถเลือกจิตที่จะนำให้ปฏิสนธิได้

ขออนุโมทนาครับ

ขออนุโมทนาครับ