ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม
ที่บ้านธัมมะ ลำพูน
วัน พฤหัสบดีที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
~ คำที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย แต่อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ด้วย ถ้าไม่รู้ประโยชน์ของการเข้าใจสิ่งที่มีจริง ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้อยู่ไกล แต่เป็นคำสอนที่ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
~ ธรรมคือเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เรา เดี๋ยวนี้ก็มีเห็น เดี๋ยวนี้ก็มีได้ยิน ทั้งหมดคือธรรม ซึ่งกว่าจะรู้ว่าไม่ใช่เราก็ต้องฟังต่อไปอีก เพราะไม่เคยรู้ความจริงของธรรมซึ่งเกิดแล้วดับปรากฏสืบต่อจนปรากฏเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด อยู่ตลอดเวลา
~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เรื่องทำ ไม่ต้องทำ เพราะอะไร เพราะมีแล้วเดี๋ยวนี้โดยไม่มีใครไปทำ ต้องมีความมั่นคงว่าธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้นเป็นไปแล้วก็ดับไป ธรรมเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ค่อยๆ เข้าใจขึ้นเท่านั้นเอง เพราะว่าปัญญาทำหน้าที่ของปัญญา ไม่มีใครทำหน้าที่ของปัญญาได้
~ เกิดแล้วต้องจากโลกนี้ไป ต้องตาย (เมื่อเกิดแล้วต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องคิดนึก มีสุข มีทุกข์แล้วก็หมดไป หมดไปไม่เหลือเลย) ตายก็คือจากทุกสิ่งทุกอย่าง
~ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะเกิดขึ้น นั้น เกิดขึ้นเองตามลำพังไม่ได้ ต้องอาศัยปัจจัย อย่างเช่น เห็นต้องอาศัยตา ต้องอาศัยสิ่งที่กระทบตา
~ มีสังขารธรรม (สิ่งที่มีจริงที่เกิดเพราะปัจจัย) ตลอดเวลา ไม่เคยขาดเลย มีปัจจัยทำให้เกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น มีสังขารธรรม เกิดขึ้นเป็นไปตลอดเวลา
~ ไม่ประมาทที่เห็นประโยชน์ที่จะฟังธรรม เมื่อฟังแล้วก็ยังไม่ประมาทที่จะเข้าใจไตร่ตรองให้ถูกต้องตามเหตุตามผล
~ ฟังธรรม เพราะรู้ว่า ความไม่รู้มีมาก ถ้าไม่ได้ฟังธรรม ความไม่รู้ ก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น แล้วจะอยู่ต่อไปในสังสารวัฏฏ์อีกนานสักเท่าไหร่?
~ "ไปสำนักปฏิบัติ นั่ง ยืน เดิน ทำนั่น ทำนี่แล้วจะรู้สิ่งที่กำลังปรากฏได้อย่างไร" การที่กล่าวให้ได้เข้าใจความจริง เป็นการอนุเคราะห์ให้ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ไตร่ตรองว่าคำไหนเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำไหนไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะได้ไม่หลงผิด
~ เห็นยังทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ แล้วจะไปทำให้ปัญญาเกิดขึ้นได้อย่างไร (แต่ปัญญาเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยเหตุ คือ ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาจากคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง)
~ แต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส นำไปสู่ความเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม คือ เป็นธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
~ เมื่อถึงคราวที่จุติจิตจะเกิดขึ้นเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ (ตาย) ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย มีเงินทองมากมายมหาศาล หรือจะมีแพทย์สักกี่คน ก็ไม่สามารถทำให้ไม่ตายได้ และเมื่อสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้แล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีกเลย
~ ฟังธรรม เพื่อจะได้เข้าใจถูกต้องว่าไม่มีเรา เพราะไม่รู้ จึงยึดถือว่ามีเรา แต่พอได้รู้แล้วก็ค่อยๆ ละความไม่รู้
~ ฟังธรรมแล้วเข้าใจว่า ทุกอย่างที่มีจริงๆ นั้น ไม่มีใครไปทำให้เกิดขึ้นได้ (เพราะเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย) เป็นบันไดก้าวแรกที่มั่นคง ที่จะไม่ไปในทางผิด
~ ถ้าฟังธรรมเข้าใจแล้ว จะมีสำนักปฎิบัติไหม? (ไม่มี) เพราะฉะนั้น สำนักปฎิบัติ ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปิดกั้นหนทางที่ถูกที่สัตว์โลกมีโอกาสที่จะได้เข้าใจจนกระทั่งสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญารู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้
~ ถ้าพูดถึงชีวิตธรรมดา วิถีจิต (จิตที่เกิดขึ้นโดยอาศัย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในการรู้อารมณ์) กับ ภวังคจิต (จิตที่ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้) ก็คือ หลับแล้วก็ตื่น ตื่นขึ้นมา ก็มีเห็น มีได้ยิน มีได้กลิ่น มีลิ้มรส ฯลฯ แล้วก็หลับ แล้วก็ตื่น แล้วก็มีเรื่องมากมาย แต่พอหลับ หายไปไหนหมด (ขณะที่หลับ โลกนี้ไม่ปรากฏ)
~ ชีวิต มีอะไรนักหนา นอกจากหลับกับตื่น รู้สิ่งต่างๆ แล้วก็หลับแล้วก็ไม่เหลือเลย ตอนหลับสนิทจำเรื่องที่ได้ฟังวันนี้ได้ไหม? ไม่ได้ แต่สะสมสืบต่ออยู่ในจิต
~ ธรรม ใครๆ ก็บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ เช่น แข็งมีแล้วจะไม่ให้เกิดได้อย่างไร จะไม่ให้มีแข็งได้อย่างไร ฉันใด จิตเกิดแล้ว เห็นแล้ว จะไม่ให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร นี้ก็คือเป็นธรรม แต่ละหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ ไม่ออกจากสังสารวัฏฏ์ ใช่ไหม? อยู่มานานแล้วยังจะต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปอีก เมื่อหมดความเป็นบุคคลนี้ ชาติหน้าเกิดเป็นคนใหม่ ก็หมดอีก ชาติก่อนเป็นใครก็หมดแล้ว ไม่เหลือเลย เพราะฉะนั้น มี เพื่อหมด ชั่วคราวที่เกิดขึ้นแล้วก็หมดไป ถ้าเข้าใจอย่างนี้จะเป็นคนดีขึ้นไหม จะไปทำชั่วทำไมในเมื่อความชั่วเป็นเหตุที่จะทำให้เกิดผลชั่วที่จะได้รับ (ในภายหน้า)
~ ความเข้าใจธรรม นำมาซึ่งกุศล (ความดี) ทั้งปวง
~ ชีวิตสั้นมาก ไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับความเข้าใจธรรม
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบท่านอ.สุจินต์ และคณะอาจารย์ค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ค่ะ