[เล่มที่ 55] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 146
เที่ยวไปเพื่อภิกขาจาร ย่อมไม่มี. พระศาสดาตรัสว่า มหาบพิตร ชื่อว่าวงศ์นี้เป็นวงศ์ของพระองค์. แต่ชื่อว่าพุทธวงศ์นี้ คือ พระทีปังกร พระโกณฑัญญะพระกัสสปะ เป็นวงศ์ของอาตมภาพ และพระพุทธเจ้าอื่นๆ นับได้หลายพันได้สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยการภิกขาจารเท่านั้น ประทับยืนในระหว่างถนนนั้นแล ตรัสพระคาถานี้ว่า บุคคลไม่ควรประมาทในก้อนข้าว อันบุคคลพึง ลุกขึ้นยืนรับ พึงประพฤติธรรมให้สุจริต บุคคลผู้ ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้ และในโลกหน้า.ในเวลาจบคาถา พระเจ้าสุทโธทน ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล, และได้สดับคาถานี้ว่า บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต ไม่พึงประพฤติ ธรรมนั้นให้ทุจริต ผู้ประพฤติธรรมเป็นปรกติย่อมอยู่ เป็นสุขทั้ง ในโลกนี้และในโลกหน้า ดังนี้.ได้ดำรงอยู่ในสกทาคามิผล, ได้ทรงสดับธรรมปาลชาดก ได้ดำรงอยู่ในอนาคา-มิผล, ในสมัยใกล้จะสวรรคต ทรงบรรทมบนพระที่บรรทมอันประกอบด้วยสิริภายใต้เศวตฉัตร ได้บรรลุพระอรหัต. กิจในการตามประกอบความเพียรโดยการอยู่ป่า ไม่ได้มีแก่พระราชา
[เล่มที่ 55] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 892
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแก่ พระเจ้า-สุทโธทนมหาราชแล้ว ทรงประกาศสัจธรรมในเวลาจบสัจจะ พระเจ้าสุทโธทนมหาราชได้ดำรงอยู่ในอนาคามิผล พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า มารดาบิดาในครั้งนั้น ได้มาเป็นพุทธมารดาพุทธบิดาในบัดนี้อาจารย์ในครั้งนั้น ได้มาเป็นพระสารีบุตรในบัดนี้ บริษัทในครั้งนั้นได้มาเป็นพุทธบริษัทในบัดนี้ ส่วนธรรมปาลกุมาร ได้มาเป็นเราตถาคตฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามหาธัมมปาลชาดกที่ ๙
สาธุ