[เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 162
๓. อุทปานทูสกวรรค
๑. อุทปานทูสกชาดก
การขี้เยี่ยวลงบ่อน้ำเป็นธรรมดาของหมาจิ้งจอก
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 58]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 162
๑. อุทปานทูสกชาดก
การขี้เยี่ยวลงบ่อน้ำเป็นธรรมดาของหมาจิ้งจอก
[๔๑๒] ดูก่อนสหาย ทําไมท่านจึงถ่ายมูตรและคูถรดบ่อน้ำที่ทําได้โดยยาก ของฤาษีผู้อยู่ป่าแสวงหาตบะอยู่ตลอดกาลนาน.
[๔๑๓] เราพวกสุนัขจิ้งจอกดื่มกินน้ำ ณ ที่ใดแล้ว ย่อมถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะลงในที่นั้นเป็นธรรมดาของสุนัขจิ้งจอกทั้งหลาย เป็นธรรมดาของบิดามารดาและปู่ย่าตายาย ท่านไม่ควรจะถือโกรธธรรมดาอันนั้นของพวกเราเลย.
[๔๑๔] อาการเช่นนี้เป็นธรรมดาของพวกท่าน อนึ่ง อาการเช่นไรไม่เป็นธรรมดาของพวกท่าน ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดา หรือมิใช่ธรรมดาของพวกท่านในกาลไหนๆ อีกเลย.
จบ อุทปานทูสกชาดกที่ ๑
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 163
อรรถกถาอุทปานทูสกวรรคที่ ๓
อรรถกถาอุทปานทูสกชาดกที่ ๑
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทรงปรารภสุนัขจิ้งจอกซึ่งทําลายบ่อน้ำตัวหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้มีคําเริ่มต้นว่า อารฺกสฺส อิสิโน ดังนี้.
ได้ยินว่า สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งทําลายบ่อน้ำของภิกษุสงฆ์แล้วหลบหนีไป. ครั้นวันหนึ่ง. สามเณรทั้งหลายเอาก้อนดินปาสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นซึ่งมาใกล้บ่อน้ำให้ได้รับความลําบาก. จําเดิมแต่นั้นสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นแม้จะหวลกลับมายังที่นั้นอีกก็ไม่แลดู. ภิกษุทั้งหลายทราบเหตุดังนั้น จึงนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ได้ยินว่า สุนัขจิ้งจอกตัวที่ทําลายบ่อน้ำ จําเดิมแต่พวกสามเณรทําให้ลําบากแม้จะกลับมาอีกก็ไม่มองดู. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่าภิกษุทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกตัวนี้ประทุษร้ายบ่อน้ำ ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ได้เป็นผู้ประทุษร้ายบ่อน้ำเหมือนกัน แล้วทรงนําเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ในเมืองพาราณสี ป่าอิสิปตนะนี้แล ได้มีบ่อน้ำนี้แหละ. ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดในเรือนของตระกูลในเมือง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 164
พาราณสี พอเจริญวัยก็บวชเป็นฤๅษี แวดล้อมด้วยหมู่ฤๅษีสําเร็จการในป่าอิสิปตนะ. ก็ในกาลนั้น สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งประทุษร้ายบ่อน้ำนี้นั่นแหละแล้วหลบหนีไป. ครั้นวันหนึ่ง ดาบสทั้งหลายล้อมสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นไว้จับมันได้ด้วยอุบายอย่างหนึ่ง จึงนําไปยังสํานักของพระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์เมื่อจะเจรจาปราศรัยกับสุนัขจิ้งจอกนั้นจึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
ดูก่อนสหาย ทําไมท่านจึงถ่ายมูตรและคูถรดบ่อน้ำที่ทําโดยยาก ของฤๅษีผู้อยู่ป่า ผู้แสวงหาตบะอยู่ตลอดกาลนาน.
เนื้อความของคาถานั้นว่า ดูก่อนสุนัขจิ้งจอกผู้สหาย ทําไมคือเพื่อประโยชน์อะไร ท่านจึงถ่ายคือถมทับ ประทุษร้ายด้วยมูตรและกรีษ ซึ่งบ่อน้ำที่ทําได้โดยยาก คือที่ให้สําเร็จได้โดยยากลําบากของท่านผู้ชื่อว่าอยู่ป่า เพราะความเป็นผู้อยู่ในป่าซึ่งได้นามว่าฤๅษี เพราะความเป็นผู้แสวงหาคุณ ชื่อว่าผู้มีตบะ เพราะอาศัยตบะอยู่ตลอดกาลนาน อธิบายว่า ทําไม ท่านจึงถ่าย คือทํามูตรและกรีษให้ตกลงไปในบ่อน้ำนี้.
สุนัขจิ้งจอกได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
พวกเราดื่มกินน้ำ ณ ที่ใดแล้ว ย่อมถ่ายอุจจาระปัสสาวะลงในที่นั้น นั่นเป็น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 165
ธรรมดาของสุนัขจิ้งจอกทั้งหลาย ทั้งเป็นธรรมดาของบิดามารดาและปู่ย่าตายาย ท่านไม่ควรจะยกโทษธรรมดาอันนั้นของพวกเราเลย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอส ธมฺโม ได้แก่ นั่นเป็นสภาวะ. ด้วย บทว่า ยํ ปิวิตฺวา โอหทามเส นี้ท่านแสดงความว่าดูก่อนสหาย พวกเราดื่มน้ำในที่ใดย่อมถ่ายอุจจาระรดบ้าง ปัสสาวะรดบ้าง เฉพาะที่นั้นเอง นี่เป็นธรรมดาของพวกเราผู้เป็นสุนัขจิ้งจอก. บทว่า ปิตุปิตามหํ ความว่า นี้เป็นธรรมดาของบิดามารดา และของปู่ย่าตายายของเราทั้งหลาย. บทว่า น ตํ อุชฺฌาตุมรหสิ ความว่า ท่านไม่ควรยกโทษธรรมดา คือสภาวะนั้น ซึ่งมีมาโดยประเพณีของพวกเรา คือท่านไม่ควรโกรธในข้อนี้.
พระโพธิสัตว์จึงกล่าวคาถาที่ ๓ แก่สุนัขจิ้งจอกนั้นว่า :-
อาการเช่นนี้เป็นธรรมดาของพวกท่าน อนึ่ง อาการเช่นไรไม่เป็นธรรมดาของพวกท่าน ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดาหรือมิใช่ธรรมดาของพวกท่านในกาลไหนๆ อีกเลย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มา โว ความว่า ในกาลไหนๆ ขอให้พวกเราอย่าได้เป็นธรรมดาหรือมิใช่ธรรมดาของพวกท่านเลย.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 166
พระมหาสัตว์ให้โอวาทแก่สุนัขจิ้งจอกนั้นอย่างนี้แล้วกล่าวว่าเจ้าอย่ามาอีกต่อไป. จําเดิมแต่นั้น สุนัขจิ้งจอกนั้นแม้จะกลับมาอีกก็ไม่มองดู.
พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะทั้ง ๔ แล้วทรงประชุมชาดกว่า สุนัขจิ้งจอกตัวที่ประทุษร้ายบ่อน้ำในกาลนั้น ได้เป็นสุนัขจิ้งจอกตัวนี้เอง ส่วนพระดาบสผู้เป็นครูของคณะดาบาสในครั้งนั้น คือเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอุทปานทูสกชาดกที่ ๑