[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 58
เถรีคาถา ทุกนิบาต
๖. เมตติกาเถรีคาถา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 54]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 58
๖. เมตติกาเถรีคาถา
[๔๒๕] ข้าพเจ้ามีทุกข์ ทุพพลภาพ ผ่านความเป็นสาวไปแล้ว ต้องถือไม่เท้าไปไหนๆ ก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ยังขึ้นภูเขาได้ ข้าพเจ้าวางผ้าสังฆาฏิและคว่ำบาตร นั่งบนภูเขา ครั้งนั้นจิตของข้าพเจ้าหลุดพ้นแล้ว ข้าพเจ้า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 59
บรรลุวิชชาสามตามลำดับ ได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.
จบ เมตติกาเถรีคาถา
๖. อรรถกถาเมตติกาเถรีคาถา
คาถาว่า กิญฺจาปิ โขมฺหิ ทุกฺขิตา เป็นต้น เป็นคาถาของพระเถรีชื่อเมตติกา.
แม้พระเถรีชื่อเมตติกาองค์นี้ ก็สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญที่เป็นอุปนิสัยแห่งนิพพานไว้ในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามสิทธัตถะ นางเกิดในตระกูลคฤหบดีรู้ความแล้ว ได้บูชาที่พระเจดีย์ของพระศาสดา ด้วยสายรัดเอวประดับ ด้วยรัตนะ ด้วยบุญกรรมนั้น นางท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปปาทกาลนี้เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล เรื่องที่เหลือเหมือนเรื่องติดๆ กันที่กล่าวแล้ว แต่พระเถรีนี้ขึ้นยอดภูเขาที่คล้ายกัน ทำสมณธรรมเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า (๑)
ข้าพเจ้าได้สร้างพระสถูปของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ ได้ถวายสายรัดเอวเพื่อนวกรรมของพระศาสดา และเมื่อพระมหาสถูปสำเร็จ แล้วข้าพเจ้าเลื่อมใสพระมุนีผู้เป็นนาถะของโลก ได้ถวายสายรัดเอวอีกด้วยมือของตน
ในกัปที่ ๙๔ แต่ภัทรกัปนี้ ข้าพเจ้าได้ถวายสาย
๑. ขุ. ๓๓/ข้อ ๑๔๒ เมขลทายิกาเถรีอปทาน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 60
รัดเอวในคราวนั้น ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติ นี้เป็นผลแห่งการสร้างพระสถูป ข้าพเจ้าเผากิเลสแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.
ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว พิจารณาการปฏิบัติของตน ได้กล่าวคาถาสองคาถานี้เป็นอุทานว่า
ข้าพเจ้ามีทุกข์ ทุพพลภาพ ผ่านความเป็นสาวไปแล้ว ต้องถือไม้เท้าไปไหนๆ ก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ยังขึ้นภูเขาได้ ข้าพเจ้าวางผ้าสังฆาฏิ และคว่ำบาตรนั่งบนภูเขา ครั้งนั้นจิตของข้าพเจ้าหลุดพ้นแล้วข้าพเจ้าบรรลุวิชชาสามตามลำดับ ได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทุกฺขิตา ความว่า มีทุกข์ คือถึงความทุกข์ที่เกิด เพราะมีโรคมาก. บทว่า ทุพฺพลา ความว่า เพราะถึงความทุกข์นั่นแหละด้วย เพราะแก่หง่อมด้วย เพราะหมดกำลังด้วย ด้วยเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า คตโยพฺพนา ความว่า ถึงวัยกลางคนแล้ว.
บทว่า อถ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม ความว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้นั่งอยู่บนศิลาคือบนแผ่นหิน ครั้งนั้น คือในลำดับนั้น จิตของข้าพเจ้าหลุดพ้นแล้วจากอาสวะแม้ทั้งหมดตามลำดับมรรค เพราะประกอบโดยชอบทีเดียวด้วยความเป็นผู้มีความเพียรสม่ำเสมอ. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบ อรรถกถาเมตติกาเถรีคาถา