ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" เลือกไม่ได้ "
ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี
วันเสาร์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๕
~ ต้องไม่ลืมว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ต้องไม่ลืมเลย มิฉะนั้นแล้ว คำสอนทั้งหมดไร้ประโยชน์ถ้าไม่สามารถที่จะทำให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ได้
~ ไม่ใช่พูดตามคำที่ได้ยินที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแล้ว แต่ต้องรู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ทั้งหมด
~ เดี๋ยวนี้มีอะไร เดี๋ยวนี้ มีจิตเห็น จิตเห็นไม่ใช่เรา ทุกอย่างที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ค่อยๆ เข้าใจให้ถูกต้องว่า ไม่ใช่เรา เพราะยากมากที่จะละความคิดที่คอยคิดเสมอว่าเป็นเรา
~ ฟังธรรม เพื่อเข้าใจความจริง ว่า มีจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) มีเจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) มีรูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่สภาพรู้) เท่านั้น ไม่มีเรา ไม่มีอะไรเลยนอกจากจิต เจตสิก รูป
~ ได้ยินคำว่าจิต ได้ยินคำว่าเจตสิก ได้ยินคำว่ารูป แต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นอะไร มีประโยชน์ไหม?
~ แม้แต่พูดว่า มีสภาพธรรม เกิดดับ แต่เดี๋ยวนี้อะไรเป็นจิต อะไรเป็นเจตสิก อะไรเป็นรูป ทั้งหมดไม่ใช่เรา เพื่อให้เข้าใจจริงๆ ว่า ไม่มีเรา มั่นคง
~ ถ้าไม่เข้าใจจิต ไม่เข้าใจเจตสิก ไม่เข้าใจรูป อย่างมั่นคง ไม่รู้จักธรรม
~ เดี๋ยวนี้ มีจิตไหม? ไม่ใช่ตอบตามที่ได้ฟังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้ว แต่เมื่อเข้าใจแล้ว ต้องเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้มีจิตไหม ถ้ารู้ว่ามีจิต แต่ไม่รู้จักจิตเดี๋ยวนี้ ก็ยังคงเป็นเรา จนกว่าจะฟังธรรม เข้าใจธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ที่เป็นจิตทีเล็กทีละน้อย จนสามารถที่จะมั่นคงขึ้นในขั้นฟัง แน่นอน ว่า ไม่ใช่เราทั้งหมด
~ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงทุกอย่างถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง
~ ฟังธรรม เพื่อเข้าใจสิ่งที่มี เดี๋ยวนี้ มีเห็น แต่ก่อนเห็น ก็มีจิต จิตเห็นดับไปแล้ว ก็มีจิต เรากำลังเรียนเรื่องทั้งหมดในชีวิตประจำวัน ให้รู้ ว่า มีอะไรที่ไม่ใช่เราทั้งหมด
~ ต้องมั่นคงว่าทุกอย่างที่เกิดดับ ไม่ใช่เรา เมื่อไม่เคยได้ยินไม่เคยได้ฟังไม่เคยรู้ความจริง ก็ยังคงเป็นเรา แต่ถ้าค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เข้าใจ ก็เริ่มปลูกฝังความเห็นถูกต้องว่าไม่มีเราทีละเล็กทีละน้อย นี่เป็นความมั่นคงที่ว่าไม่มีการที่จะไปละความเป็นเราโดยไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้นได้ ต้องรู้จุดประสงค์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อปลูกฝังความเข้าใจถูกต้อง ว่า ไม่มีเรา เพื่อจะมั่นคงขึ้น ทุกคำของพระองค์เพื่อให้เข้าใจในความไม่มีเรา เพราะเป็นสภาพนั้นๆ แต่ละหนึ่งๆ
~ กรรมหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด ขณะเดียวไม่พอ กรรมที่ทำให้เกิด ยังทำให้ภวังคจิต (จิตที่ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้) เกิดสืบต่อเพื่อกรรมนั้นหรือกรรมอื่นนอกจากกรรมที่ทำให้เกิด สามารถที่จะทำให้เห็นสิ่งต่างๆ ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย
~ มั่นใจหรือยังว่า จิตเหล่านี้ คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต จิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย เป็นผลของกรรม เราค่อยๆ ศึกษาไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่ทั้งหมดทีเดียว แต่ให้มั่นคง
~ ใครรู้บ้าง ว่า เห็น เดี๋ยวนี้ เป็นผลของกรรมอะไร ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า กรรม เป็นสิ่งที่ปกปิด เพราะเหตุว่า กรรมที่ทำเดี๋ยวนี้ ไม่รู้ว่า จะให้ผลเมื่อไหร่และเวลาผลเกิด ก็ไม่รู้ว่า ผลนี้มาจากกรรมอะไร
~ มั่นคงว่า เห็นเลือกไม่ได้ จะเห็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ร่างกายจะเจ็บจะป่วยจะไข้จะสุขจะทุกข์ เลือกไม่ได้ เพราะเหตุว่า แล้วแต่กรรมใดในอดีตที่ทำแล้วจะให้ผล แต่ต้องมั่นคงว่า เมื่อมีเหตุคือกรรม ต้องมีผลซึ่งเกิดจากกรรมนั้น
~ กรรม เป็นเหตุ ผล คือ วิปาก (วิบาก) เพื่อเข้าใจ ไม่ใช่ไปจำคำ แต่เข้าใจว่าเมื่อมีเหตุคือกรรม ก็ต้องมีผลของกรรม ในภาษาบาลีใช้คำว่า
วิปาก
~ เกิดเป็นแมวเป็นผลของกรรมหรือเปล่า? เป็นผลของอกุศลกรรม, พอแมว เกิดเป็นแมวแล้ว อะไรอีกในชีวิตของแมวที่เป็นผลของกรรม? ภวังคจิต เป็นต้น
~ เห็น เป็นคุณอาช่าหรือเป็นแมวหรือเป็นคนอาคิลหรือเป็นคุณมธุ คุณมนิต? เห็น เป็น เห็น
~ เห็น ที่คุณอาช่ากำลังเห็น กับ ที่แมวกำลังเห็น เหมือนกันไหม? เห็น เป็นเห็น ไม่ต่างกันเลย
~ กรรมเป็นปัจจัยให้เกิดวิบาก กุศลกรรมทำให้เกิดดี อกุศลกรรมทำให้เกิดในนรกเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
~ เห็นอย่างเดียวกัน คุณอาคิลชอบ คุณอาชาไม่ชอบ ได้ไหม? อะไรเป็นวิบาก อะไรไม่ใช่วิบาก? เห็น เป็น วิบาก ชอบหรือไม่ชอบ ไม่ใช่วิบาก
~ ศึกษาพระธรรมเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น ไม่หมดความเป็นเรา เพราะไม่รู้ความจริง ว่า เดี๋ยวนี้ เป็นอะไรที่ไม่ใช่เรา
~ ความไม่รู้มีมาก ยากที่จะละความเป็นเราได้ ถ้าไม่มีความเข้าใจตามลำดับ ว่า ขณะนี้ไม่มีใครบังคับจิตให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ
~ ฟังธรรมไม่ใช่สำหรับจำ แต่สำหรับเข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ เท่าที่สามารถจะรู้ได้
~ จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็โดยการฟังคำของพระองค์แล้วเห็นความลึกซึ้งของธรรม ซึ่งไม่ใช่เรา
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบยินดีในกุศลค่ะคุณสุคินและทุกๆ ท่าน
ขอบพระคุณ และยินดียิ่งในกุศลจิตค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนา ค่ะ