[คำที่ ๓๔๘] ธมฺมวาที
โดย Sudhipong.U  26 เม.ย. 2561
หัวข้อหมายเลข 32468

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “ธมฺมวาที”

คำว่า ธมฺมวาที เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง [อ่านตามภาษาบาลีว่า ดำ - มะ - วา - ที] มาจากคำว่า ธมฺม (สิ่งที่มีจริง) กับคำว่า วาที (บุคคลผู้กล่าว) รวมกันเป็น ธมฺมวาที เขียนเป็นไทยได้ว่า ธรรมวาที แปลว่า บุคคลผู้กล่าวธรรม กล่าวสิ่งที่มีจริง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นบุคคลผู้มีคำพูดเรื่องธรรมอย่างถูกต้องเพราะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริง

ข้อความใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ธรรมวาทีปัญหาสูตร แสดงถึงความเป็นจริงของบุคคลผู้ที่เป็นธรรมวาทีไว้ว่า

“ท่านผู้ใดแสดงธรรม เพื่อละราคะ (ความยินดีพอใจ) โทสะ (ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ) โมหะ (ความหลง ความไม่รู้) ท่านผู้นั้นเป็นธรรมวาทีในโลก

ข้อความใน สารัตถปกาสินี อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค วุฏฐิสูตร แสดงถึงบุคคลผู้เป็นยอดแห่งบุคคลผู้กล่าวหรือเปล่งวาจา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้ คือ

“บรรดาชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งผู้แถลงคารม (คือ ผู้กล่าว, ผู้เปล่งวาจา) พระพุทธเจ้า เป็นผู้ยอดเยี่ยม เพราะว่าเหล่าสัตว์ทั้งหลาย จำนวนหลายแสน อาศัยการแสดงธรรมของพระองค์แล้ว ก็หลุดพ้นจากเครื่องผูก (คือกิเลสทั้งหลาย) ได้ ดังนี้แล”


การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นการศึกษาที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง เป็นไปเพื่อความเห็นถูก เป็นการสะสมทรัพย์อันประเสริฐ เป็นมงคลอันประเสริฐ เป็นการศึกษาที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่ดีและมีประโยชน์ นั้น ยิ่งศึกษามาก ก็ยิ่งดี ซึ่งจะต้องศึกษาไปจนตลอดชีวิตเท่าที่จะสามารถศึกษาได้ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกตามกำลังปัญญาของตนเอง แต่การที่จะให้รู้ทั่วถึงแทงตลอดทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นวิสัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และประการที่สำคัญ คือ จุดประสงค์ในการศึกษาพระธรรมต้องตรงและถูกต้อง ผู้ศึกษาจึงจะได้รับประโยชน์จากศึกษาพระธรรม เพราะถ้าจุดประสงค์ไม่ตรงแล้วย่อมมีโทษเช่นกัน

ถ้าหากจุดประสงค์ในการศึกษาถูกต้อง ก็จะรู้ว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิตทั้งหมดอย่างเด็ดขาด ศึกษาเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ แต่ก็ไม่ได้เหลือวิสัยสำหรับผู้ตั้งใจศึกษาที่จะสะสมปัญญาไปตามลำดับ เพราะพระธรรมไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และใจ ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย สิ่งที่ไม่ควรลืม คือ การศึกษาพระธรรม ต้องเป็นไปเพื่อการละความไม่รู้และกิเลสประการต่างๆ โดยส่วนเดียว ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น

แต่ละบุคคล มีการสะสมอุปนิสัยมาแตกต่างกัน มีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไปตามการสะสม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา จะเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสที่แต่ละบุคคลได้สะสมมานานแสนนาน จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เป็นที่พึ่งสำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง

ธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้งอย่างยิ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลาถึงสี่อสงไขยกับอีกแสนกัปป์ เป็นเวลาที่ยาวนานเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพื่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว แต่เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลกทั้งปวง เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา ตั้งแต่เริ่มประกาศพระศาสนาจนกระทั่งถึงเวลาที่พระองค์จวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกด้วยการแสดงพระธรรมตามสมควรแก่อัธยาศัยของผู้ฟัง ซึ่งผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุเป็นพระอรหันต์ถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลส สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน นอกจากนั้นแล้ว พระอริยบุคคลขั้นอื่นๆ กล่าวคือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามี รวมถึงผู้ที่ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นที่พึ่งในภายหน้า ก็มีเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นประโยชน์ที่ได้จากการฟัง การศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นยอดของบุคคลผู้แสดงธรรม ไม่มีใครมีพระมหากรุณาเท่ากับพระองค์เลย

การที่พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะดำรงอยู่ต่อไป ก็ด้วยความเข้าใจพระธรรม บุคคลผู้ที่ได้เข้าใจพระธรรม เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่จะดำรงอยู่ต่อไป ก็เปิดเผย แสดงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น จะได้ฟัง ได้ศึกษา ได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้องแล้วกล่าวคำจริงเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกของผู้อื่น ผู้นั้นชื่อว่า ธรรมวาที เพราะธรรมของบุคคลผู้เป็นธรรมวาที คือปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก นั่นเอง เนื่องจากว่ามีความเข้าใจอย่างถูกต้องตามพระธรรม จึงสามารถที่จะกล่าว แสดงเปิดเผยคำจริงเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ พระธรรม ยิ่งเปิดเผย ยิ่งรุ่งเรือง ผู้ที่จะทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรือง ก็คือ ผู้ที่เข้าใจพระธรรม เท่านั้น

ถ้าหากไม่มีการแสดงธรรม ไม่มีการกล่าวธรรมแล้ว การฟังในสิ่งที่มีจริงก็เกิดขึ้นไม่ได้ และกุศลธรรมที่จะเจริญขึ้นคล้อยตามปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้นสืบเนื่องมาจากการฟังพระธรรม ก็ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น การแสดงธรรม กล่าวธรรม จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ตามกำลังปัญญาของแต่ละคนอย่างแท้จริง เพราะการแสดงธรรม กล่าวธรรม เป็นการแสดงซึ่งสิ่งที่มีจริง เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ไม่ใช่กล่าวเรื่องอื่นที่ไม่มีประโยชน์ จึงเป็นหน้าที่ที่สำคัญของพุทธบริษัททุกคนจะได้ร่วมกันศึกษาในสิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ พระธรรมแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้วเผยแพร่พระธรรม ตามที่ได้ศึกษา ตามกำลังปัญญาของตนเอง เพื่อสืบต่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 12 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ