ดิฉัน แท้งลูกตอน 5 เดือนกว่า โดยไม่ได้มีเจตนาใดๆ เพราะดิฉัน อยากมีลูก บำรุงอย่างดี ก็เสียใจที่เค้าไม่อยู่กับเรา
อยากทราบว่า เค้าจะได้ไปเกิดหรือยัง?
ต้องทำพิธีหรือทำบุญอย่างไรให้เค้าได้รับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บาป คือ เจตนาที่ไม่ดี มีเจตนาให้ผู้อื่นตาย เป็นต้น แต่สำหรับในกรณีนี้ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลย แต่เป็นเจตนาที่จะพยายามดูแลรักษาอย่างดี หากแต่ว่า เพราะสัตว์ทั้งหลายก็ต่างมีกรรมเป็นของของตน เพราะฉะนั้น เมื่อถึงคราวที่กรรมจะให้ผล ให้จากโลกนี้ไป ก็ทำให้เขาจากไปได้เป็นธรรมดา จึงไม่ได้เป็นเพราะผู้เป็นแม่ไปทำผิดพลาดอะไรเลย กรรมของเด็กต่างหากที่ทำให้จากไป จึงไม่มีบาปติดตัวกับผู้เป้นแม่ ส่วนเด็กที่จากไป ตามหลักธรรมแล้ว ก็เกิดใหม่แล้ว ไม่เป็นดั่งวิญญาณล่องลอยตามที่เข้าใจกัน เพราะสัตว์เมื่อตายแล้วก็ต้องเกิดทันที และก็ไปตามกรรมของบุคคลนั้นเอง ดังนั้น เขาอาจจะไปในที่ที่ดี ดีกว่าเราก็ได้ เป็นอยู่สุขสบาย เช่นเกิดในสวรรค์ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ตัวเราเองก็ไม่ได้ทำร้ายลูก และไม่ได้เป็นบาปด้วย และหากว่าตัวลูกนั้นได้ไปที่ดีๆ ก็ควรที่จะยินดี ดีใจ ที่เขาไปสบายแล้วครับ ทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป ทุกข์มีได้ เพราะอาศัยความผูกพัน เพราะอาศัยกิเลสที่มีในจิตใจ ดั่งเช่นสมัยพุทธกาล ที่มีสตรี บุตรของตนเองตาย ก็ร้องไห้ ถึงกับเป็นบ้า อยากให้บุตรตนเองฟื้น ขอยาจากคนอื่น จนได้พบพระพุทธเจ้า พระุพุทธเจ้าตรัสว่า เธอ จงไปหาเมล็ดผักกาดมา แต่ต้องหาจากเรือนที่ไม่มีคนตาย นางจึงไปหา และบอกว่า เรือนท่านไม่มีคนตายไหม ถ้าไม่มี จงให้เมล็ดผักกาดกับเราเพื่อทำยา ไม่มีเรือนใดเลย ที่ไม่มีคนตาย สุดท้ายกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า นางไม่ได้เมล็ดผักกาดเลย เพราะทุกเรือนมีคนตายหมด อันแสดงถึงความเป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมกับนาง ตรัสพระคาถาว่า
มฤตยู ย่อมพานรชนผู้มัวเมาในบุตรและสัตว์เลี้ยง มีใจฟุ้งซ่านไป เหมือนกระแสน้ำหลากขนาดใหญ่ พัดพาชาวบ้านที่มัวหลับใหลไปฉะนั้น.
เมื่อจบเทศนา นางได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล นี่แสดงให้เห็นถึงความจริงว่า เป็นธรรมดาของความตาย ควรอยู่กับปัจจุบัน และเขาก็เกิดใหม่แล้ว ส่วนหน้าที่ของเรา คือ การทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ส่วนเขาจะได้รับหรือไม่นั้น ก็ตามแต่ฐานะของการเกิดของบุตรนั้น หากแต่ว่าชีวิตของสัตว์โลก ทุกข์มามากมาย นับชาติไม่ถ้วน ต่อไปก็จะต้องเป็นอย่างนี้อีก ทุกข์เพราะกิเลส ควรจะแสวงหาประทีป คือ ปัญญาที่จะทำหน้าที่ละกิเลส ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญครับ
" น้ำในมหาสมุทร ทั้ง ๔ มีประมาณน้อย น้ำตาของสัตว์
ผู้ถูกทุกข์ครอบงำ แล้วเศร้าโศก มีมิใช่น้อย มากกว่าน้ำในมหาสมุทรนั้น
เพราะเหตุใดเล่าเธอจึงประมาทอยู่."
ซึ่ง การอุทิศส่วนกุศล ใช้กับผู้ที่ตายจากไปแล้ว และ ใช้กับอมนุษย์ ไม่ใช่กับผู้ที่มีชีวิตอยู่ ครับ
ควรอุทิศกับบุคคลที่จากไปแล้ว การอุทิศส่วนกุศล (ปัตติทาน) เป็นกุศลประการหนึ่ง เพื่อประโยชน์คือให้บุคคลอื่นได้ร่วมอนุโมทนา ซึ่งจะเป็นเหตุให้กุศลจิตของบุคคลอื่นเกิดได้ ดังข้อความตอนหนึ่ง จากพระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณีปกรณ์ ว่า
[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า ๔๒๙
"เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่า ขอส่วนบุญ จงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ พึงทราบว่า เป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ".
ขออนุโมทนา
ขอบคุณสำหรับคำสอนและแนวคิดที่ดีนะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน เมื่อมีการเกิด ก็ต้องมีการตายเป็นธรรมดาขึ้นอยู่กับ
ว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้นเอง สิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว คือ ทำบุญ
อุทิศไปให้ จะด้วยการให้ทาน หรือ ความดีประการอื่นๆ เช่น ฟังพระธรรม เป็นต้น
ก็สามารถอุทิศให้ได้ การร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ ไม่เป็นผลดีแต่ประการใด
มีแต่จะสะสมพอกพูนอกุศลให้มากขึ้น และที่จะมีความเข้าใจถูกในทางธรรมตรงตาม
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ต้องเริ่มฟังเริ่มศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ
ถ้าไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้อื่นให้ตาย ก็ไม่มีบาปแต่ประการใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำ เพราะ
ฉะนั้นก็ขอให้เบาใจได้ และขอให้มีความมั่นคงที่จะสะสมความดีและอบรมเจริญปัญญา
ต่อไป ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ไม่มีใครเกิดมาไม่ตาย การระลึกถึงความตายเป็นเหตุให้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทั้งปวงโดยเฉพาะการอบรมปัญญาเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตที่ทำให้รู้ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะไม่ใช่เราค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
"ทุกข์มีได้ เพราะอาศัยความผูกพัน เพราะอาศัยกิเลสที่มีในจิตใจ"
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ