อยากทราบความเป็นมาของ อรรถกถา ว่ามีความสําคัญอย่างไรขอบพระคุณมากครับ
ก่อนอื่น ควรทราบความหมายคำว่า อรรถกถา หมายถึง คำอธิบายเนื้อความของพระพุทธพจน์ คำตรัสของพระพุทธเจ้ามีความหมายละเอียดลึกซึ้งมาก คำอธิบาย ความหมายหรือเนื้อความนั้นเรียกว่า อรรถกถา อรรถกถามีมาตั้งแต่สมัยครั้งพุทธกาล ส่วนหนึ่งเป็นปกิณณกเทศนาของพระพุทธองค์ ส่วนหนึ่งเป็นคำอธิบายของพระอรหันต์เถระ มีพระสารีบุตร เป็นต้นส่วนหนึ่งเป็นคำอธิบายของพระอรหันต์รุ่นต่อมาหลังพุทธปรินิพพานก็มี ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาในยุคหลังปรินิพพานครับ
ขอยกข้อความบางส่วนจากพจนานุกรม ของพระพรหมคุณาภรณ์ ที่ท่านกล่าวถึงอรรถกถาดังนี้
คำอธิบายอรรถคือความหมาย ของพระบาลี อันได้แก่พุทธพจน์ รวมทั้งข้อความและเรื่องราวเกี่ยวข้องแวดล้อมที่รักษาสืบทอดมาในพระไตรปิฎก, คัมภีร์อธิบายความในพระไตรปิฎก; ในภาษาบาลีเขียน อฏฺฐกถา, มีความหมายเท่ากับคำว่า อตฺถวณฺณนา หรือ อตฺถสํวณฺณนา อรรถกถามีมาเดิมสืบแต่พุทธกาล เป็นของเนื่องอยู่ด้วยกันกับการศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า กล่าวคือ ในพุทธกาล เมื่อพระอาจารย์นำพุทธพจน์มาสอนแก่นิสิต หรือตอบคำถามของศิษย์เกี่ยวกับพุทธพจน์นั้น คำอธิบายของพระอาจารย์ก็เป็นอรรถกถา คำอธิบายที่สำคัญของพระสาวกผู้ใหญ่ อันเป็นที่ยอมรับนับถือเป็นหลัก ก็ได้รับการถ่ายทอดรักษาผ่านการสังคายนาสืบต่อมาไม่เฉพาะคำอธิบายของพระสาวกเท่านั้น แม้ถึงพระดำรัสอธิบายของพระพุทธเจ้าเอง ซึ่งอธิบายพุทธพจน์อื่นที่มีอยู่ก่อนแล้ว ก็ถือว่าเป็นอรรถกถาด้วย คำอธิบายที่เป็นเรื่องใหญ่บางเรื่องสำคัญมากถึงกับจัดรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในพระไตรปิฎก ดังที่ท่านเล่าไว้คือ “อัฏฐกถากัณฑ์” ซึ่งเป็นภาคหรือคัมภีร์ย่อยที่ ๓ ในคัมภีร์ธัมมสังคณี แห่งพระอภิธรรมปิฎก (พระไตรปิฎก เล่ม ๓๔, อัฏฐกถากัณฑ์นี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “อัตถุทธารกัณฑ์” และพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐได้เลือกใช้ชื่อหลัง) ตามเรื่องที่ท่านบันทึกไว้ว่า (สงฺคณี.อ.๔๖๖) สัทธิวิหาริกรูป หนึ่งของพระสารีบุตรไม่สามารถกำหนดจับคำอธิบายธรรมในภาคหรือคัมภีร์ย่อยที่ ๒ ที่ชื่อว่านิกเขปกัณฑ์ ในคัมภีร์ธัมมสังคณีนั้น พระสารีบุตรจึงพูดให้ฟัง ก็เกิดเป็นอัฏฐกถากัณฑ์หรืออัตถุทธารกัณฑ์นั้นขึ้นมา (แต่คัมภีร์มหาอัฏฐกถากล่าวว่า พระสารีบุตรพาสัทธิวิหาริกรูปนั้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และพระองค์ตรัสแสดง) , คัมภีร์มหานิทเทส (พระไตรปิฎก เล่ม ๒๙) และจูฬนิทเทส (พระไตรปิฎก เล่ม ๓๐) ก็เป็นคำอธิบายของพระสารีบุตร ที่ไขและขยายความแห่งพุทธพจน์ในคัมภีร์สุตตนิบาต (พระไตรปิฎก เล่ม ๒๕, อธิบายเฉพาะ ๓๒ สูตร ในจำนวนทั้งหมด ๗๑ สูตร) อรรถกถาทั้งหลายแต่ครั้งพุทธกาลนั้น ได้พ่วงมากับพระไตรปิฎกผ่านการสังคายนาทั้ง ๓ ครั้ง จนกระทั่งเมื่อพระมหินทเถระไปประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕ ก็นำอรรถกถาเหล่านั้น ซึ่งยังเป็นภาษาบาลี พ่วงไปกับพระไตรปิฎกบาลีด้วย แต่เมื่อพระพุทธศาสนาสืบมาในลังกาทวีป พระสงฆ์ที่นั่นรักษาเฉพาะพระไตรปิฎกให้คงอยู่อย่างเดิมในภาษาบาลี ส่วนอรรถกถาซึ่งเป็นคัมภีร์ประกอบที่จะใช้ศึกษาพระไตรปิฎก จะสำเร็จประโยชน์ได้ดีต่อเมื่อเป็นภาษาของผู้เล่าเรียน คือภาษาสิงหฬ ดังนั้น ต่อมา อรรถกถาทั้งหลายก็แปรเปลี่ยนไปเป็นภาษาสิงหฬทั้งหมด ต่อมา พระพุทธศาสนาในชมพูทวีปเสื่อมลง แม้ว่าพระไตรปิฎกจะยังคงอยู่ แต่อรรถกถาได้สูญสิ้นหมดไป ครั้งนั้น มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ออกบวชจากตระกูลพราหมณ์ เล่าเรียนพระไตรปิฎกแล้ว มีความเชี่ยวชาญจนปรากฏนามว่า “พุทธโฆส” ได้เรียบเรียงคัมภีร์ชื่อว่าญาโณทัย (คัมภีร์มหาวงส์กล่าวว่าท่านเรียบเรียงอรรถกถาแห่งคัมภีร์ธัมมสังคณี ชื่อว่าอัฏฐสาลินีในคราวนั้นด้วย..
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
เป็นคำอธิบายที่มีประโยชน์มากๆ ครับ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ชื่อว่าพุทธะ โดยอรรถว่า กำจัดภัยของสัตว์ทั้งหลาย เหตุให้ดำเนินไปใน
สิ่งที่เป็นประโชน์ และให้หันกลับจากสิ่งที่ไม่เป็นประดยชน์
ชื่อว่าธรรมะ โดยอรรถว่า กำจัดภัยของสัตว์ทั้งหลาย เหตุให้ข้ามกันดาร
คือภพได้ และให้แช่มชื่น
ชื่อว่าสงฆ์ โดยอรรถว่า กำจัดภัยของสัตว์ทั้งหลาย เหตุให้ทำสิ่งที่ทำ
แม้น้อย ให้ผลไพบูลย์