[เล่มที่ 49] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 61
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ
ว่าด้วยความหิวของนางเปรต
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 49]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 61
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ
ว่าด้วยความหิวของนางเปรต
พระสังฆเถระถามว่า :-
[๙๑] ท่านเปลือยกาย มีผิวพรรณเลวทราม มีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไป หมู่แมลงวันพากันตอมเกลื่อนกล่น ท่านเป็นใครหนอมายืนอยู่ในที่นี้. หญิงเปรตนั้นตอบว่า :-
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันเป็นเปรต ถึงทุคติ เกิดในยมโลก เพราะทำกรรมอันลามกจึงต้องจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก เวลาเช้าคลอดบุตร ๕ คน เวลาเย็นอีก ๕ คน แล้วกินลูกเหล่านั้นหมด ถึงบุตร ๑๐ คนเหล่านั้นก็ยังไม่อาจบรรเทาความหิวของดิฉัน หัวใจของดิฉันเร่าร้อนอยู่เป็นนิจเพราะความหิว ดิฉันไม่ได้ดื่มน้ำที่ควรดื่ม ขอท่านจงดู ดิฉันผู้ถึงความพินาศเช่นนี้เถิด.
พระเถระถามว่า :-
เมื่อก่อน ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ หรือท่านกินเนื้อบุตรทั้งหลาย เพราะวิบากแห่งกรรมอะไร.
หญิงเปรตนั้นตอบว่า :-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 62
เมื่อก่อน หญิงร่วมสามีของดิฉันคนหนึ่งมีครรภ์ ดิฉันคิดชั่วต่อเขา มีใจประทุษร้าย ได้ทำให้ครรภ์ตกไป เขามีครรภ์ ๒ เดือนเท่านั้น ไหลออกเป็นโลหิต ครั้งนั้น มารดาของเขาโกรธดิฉัน เชิญพวกญาติมาประชุมซักถามให้ดิฉันทำการ สบถและขู่เข็ญให้กลัว ดิฉันได้กล่าวคำสบถและมุสาวาทอย่างแรงว่า ถ้าดิฉันทำชั่วอย่างนี้ ขอให้ดิฉันกินเนื้อบุตรเถิด ดิฉันมีกายอันเปื้อนด้วยหนองและโลหิต กินเนื้อบุตรทั้งหลาย เพราะวิบากแห่งกรรม คือ การทำให้ครรภ์ตกและการพูดมุสา ทั้งสองนั้น.
จบ ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุที่ ๖
อรรถกถาปัญจปุตตขาทกเปติวัตถุที่ ๖
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภถึงนางเปรตผู้เคี้ยวกินบุตร ๕ คน จึงตรัสคำเริ่มต้นว่า นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ ดังนี้.
ได้ยินว่า มีภรรยาของกฏุมพีคนหนึ่ง ในหมู่บ้านไม่ไกลแต่กรุงสาวัตถี เป็นหญิงหมัน. พวกญาติของกฏุมพีคนนั้นได้พากันกล่าวดังนี้ว่า ภรรยาของเจ้าเป็นหมัน พวกเราจะนำหญิงสาวคนอื่นมาให้เจ้า. เพราะความสิเนหาในภรรยานั้น เขาจึงไม่ปรารถนา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 63
(ภรรยาอื่น). ลำดับนั้น ภรรยาของกฏุมพีนั้นทราบเรื่องนั้นแล้ว จึงกล่าวกะสามีอย่างนี้ว่า นาย ฉันเป็นหมัน ควรจะนำหญิงอื่นมา (เป็นภรรยา) วงศ์ตระกูลของท่านจะได้ไม่ขาดสูญ เธอเมื่อถูกภรรยารบเร้าจะแต่งงานกะหญิงอื่น. ครั้นต่อมา นางได้ตั้งครรภ์. หญิงหมันมีความริษยาเป็นปกติ คิดว่า หญิงนี้ได้บุตรแล้ว จักเป็น ใหญ่แก่เรือนนี้ จึงหาอุบายให้ครรภ์ของนางตกไป จึงเกลี่ยกล่อมปริพาชิกาคนหนึ่งด้วยข้าวและน้ำเป็นต้น ให้ทำครรภ์ของนางให้ตกไป นางเมื่อครรภ์ตกไปก็ไห้แจ้งให้มารดาของตนทราบ มารดาให้ประชุมพวกญาติของตนแล้วแจ้งความนั้นให้ทราบ. ญาติเหล่านั้นได้กล่าวกะหญิงหมันดังนี้ว่า เจ้าทำครรภ์ของหญิงนี้ให้ตก หญิงหมันตอบว่า ฉันไม่ได้ทำให้ตก ก็จงสบถ. หญิงหมันกล่าวเท็จทำการสบถว่า ถ้าฉันทำครรภ์ให้ตก ฉันก็จะพึงมีทุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า ถูกความหิวกระหายครอบงำ ขอให้คลอดบุตรทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ครั้งละ ๕ คน แล้วกินเสีย ก็ยังไม่อิ่ม ขอให้ฉันมีกลิ่นเหม็นเป็นนิจ และถูกแมลงวันไต่ตอม. ไม่นานนักนางก็ทำกาละบังเกิดเป็นนางเปรต มีรูปร่างขี้เหร่อยู่ไม่ไกลบ้านนั้นนั่นเอง.
ในกาลนั้น พระเถระ ๘ รูป ออกพรรษาในชนบท มายังกรุงสาวัตถี เพื่อเฝ้าพระศาสดา จึงเข้าไปพักในราวป่าอันสมบูรณ์ด้วยร่มเงาและน้ำ ไม่ไกลแต่บ้านนั้น. ลำดับนั้น นางเปรตนั้นได้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 64
แสดงตนแก่พระเถระทั้งหลาย. ในพระเถระเหล่านั้น พระสังฆเถระได้ซักถามนางเปรตนั้นด้วยคาถาว่า
เจ้าเปลือยกาย มีรูปพรรณขี้เหร่ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้ง แมลงวันจับเป็นกลุ่ม เจ้าเป็นใคร มายืนอยู่ในที่นี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นคฺคา แปลว่า ผู้ไม่มีผ้า. บทว่า ทุพฺพณฺณรูปาสิ ความว่า เจ้าเป็นผู้มีรูปขี้เหร่ คือประกอบด้วยรูปน่าเกลียดพิลึก. บทว่า ทุคฺคนฺธา คือ มีกลิ่นไม่น่าปรารถนา. บทว่า ปูติ วายสิ ได้แก่ มีกลิ่นเหมือนซากศพเหม็นคลุ้งออกจากกาย. บทว่า มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา ได้แก่ พวกแมลงวันหัวเขียวจับกลุ่มอยู่โดยรอบ. บทว่า กา นุ ตฺวํ ติฎฺติ ความว่า เจ้าเป็นใคร มีรูปเห็นปานนี้ มายืนอยู่ที่นี้, อธิบายว่า เที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้
ลำดับนั้น นางเปรตนั้นถูกพระมหาเถระถามอย่างนั้น เมื่อจะประกาศตน จะให้เหล่าสัตว์เกิดความสลด จึงได้กล่าว ๓ คาถานี้ว่า
ท่านผู้เจริญ ดิฉันเป็นเปรต ถึงทุคติเกิดในยมโลก เพราะกระทำกรรมชั่วไว้จึงต้องจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก. เวลาเช้าดิฉันคลอดบุตร ๕ คน เวลาเย็นอีก ๕ คน แล้วกินลูกเหล่านั้นทั้งหมดถึงลูก ๑๐ คนเหล่านั้น ก็ไม่อาจบรรเทาความหิวของดิฉันได้ หัวใจของดิฉันเร่าร้อนหมกหมุ่น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 65
เพราะความหิว ดิฉันไม่ได้ดื่มน้ำที่ควรดื่ม ขอท่านจงดูดิฉันผู้ถึงความวอดวายเช่นนี้เถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น นางเปรตเรียกพระเถระด้วยความเคารพว่า ภทนฺเต. บทว่า ทุคฺคตา แปลว่า ถึงทุคติ. บทว่า ยมโลกิกา ได้แก่ รู้แจ้งเปตโลกอันได้นามว่า ยมโลก โดยภาวะที่นับเนื่องในเปตโลกนั้น. บทว่า อิโต คตา ความว่า จากมนุษยโลกนี้แล้วไป คือเกิดยังเปตโลก.
บทว่า กาเลน ได้แก่ ในเวลาราตรีสว่าง. จริงอยู่ บทว่า กาเลน นี้ เป็นตติยาวิภัติใช้ในอรรถสัตตมีวิภัติ. บทว่า ปญฺจ ปุตฺตานิ แปลว่า ซึ่งบุตร ๕ คน. จริงอยู่ บทว่า ปุตฺตานิ นี้ ท่านกล่าวด้วยลิงควิปลาศ. บทว่า สายํ ปญฺจ ปุนาปเร ได้แก่ คลอดบุตรอื่นอีกในเวลาเย็น. มีวาจาประกอบความว่า. กินบุตรทั้ง ๕ คน. บทว่า วิชายิตฺวาน ความว่า คลอดบุตรวันละ ๑๐ คน. บทว่า เตปิ นา โหนฺติ เม อลํ ความว่า บุตรทั้ง ๑๐ คนนั้นไม่เพียงพอเพื่อบรรเทาความหิวของเราสักวันหนึ่ง. ก็ในที่นี้ เพื่อสะดวกแก่คาถา ท่านจึงกล่าวให้เป็นทีฆะว่า นา. บทว่า ปริฑยฺหติ ธูมายติ ขุทาย หทยํ มม ความว่า ส่วนแห่งหทัยของดิฉัน ผู้อันความหิวบีบคั้น ย่อมหม่นไหม้เดือดร้อน คือเร่าร้อนอยู่ทุกด้านด้วยไฟในท้อง. บทว่า ปานียํ น ลเภ ปาตุํ ความว่า ดิฉันถูกความกระหายครอบงำ เมื่อเที่ยวไปในที่นั้นๆ ไม่ได้ เพื่อจะดื่มน้ำ. บทว่า ปสฺส มํ พฺยสนํ คตํ ความว่า นางเปรตได้ประกาศทุกข์ที่ตนเสวยแก่พระเถระว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 66
ขอท่านจงดูดิฉันถึงความวอดวายเช่นนี้ อันทั่วไปและไม่ทั่วไปแก่การเข้าถึงความเป็นเปรตเถิด.
พระเถระได้ฟังดังนั้น เมื่อจะถามถึงกรรมที่นางเปรตนั้นกระทำ จึงกล่าวคาถาว่า เมื่อก่อนเธอทำความชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา และใจ หรือเธอกินเนื้อบุตรทั้งหลาย เพราะวิบากแห่งกรรมอะไร.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทุกฺกฏํ ได้แก่ ทุจริต. บทว่า กิสฺสกมฺมวิปาเกน ได้แก่ ด้วยวิบากแห่งกรรมเช่นไร อธิบายว่าด้วยวิบากแห่งปาณาติบาต หรืออทินนาทานเป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง. อาจารย์บางพวกกล่าวว่า เกน กมฺมวิปาเกน ด้วยวิบากแห่งกรรมอะไร.
ลำดับนั้น นางเปรตเมื่อจะประกาศกรรมที่ตนกระทำแก่พระเถระ จึงได้กล่าวคาถาทั้งหลายว่า
เมื่อก่อน หญิงร่วมผัวของดิฉันคนหนึ่งมีครรภ์ ดิฉันคิดชั่วต่อเขา มีจิตคิดประทุษร้าย ได้กระทำครรภ์ให้ตกไป เขามีครรภ์ ๒ เดือนเท่านั้น ไหลออกเป็นโลหิต ในกาลนั้น มารดาของเขาโกรธดิฉัน เชิญพวกญาติมาประชุมซักถาม ให้ดิฉันทำการสบถ และขู่เข็ญให้ดิฉันกลัว ดิฉันนั้นได้กล่าวคำสบถและมุสาวาทอย่าง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 67
ร้ายกาจว่า ถ้าดิฉันทำชั่วดังนั้น ขอให้ดิฉันกินเนื้อบุตรเถิด ดิฉันมีกายอันเปื้อนด้วยหนองและโลหิตกินเนื้อบุตรทั้งหลาย เพราะวิบากแห่งกรรม คือการทำให้ครรภ์ตกและการพูดมุสาวาททั้ง ๒ นั้น.
หญิงผู้ร่วมผัว ท่านเรียกว่า สปตี ในคาถานั้น. บทว่า ตสฺสา ปาปํ อเจตยึ ได้แก่ ได้คิดถึงกรรมชั่วหยาบแก่หญิงร่วมผัวนั้น. บทว่า ปทุฏฺมนสา แปลว่า มีจิตคิดประทุษร้ายหรือมีจิตชั่ว. บทว่า เทฺวมาสิโก ได้แก่ เขาตั้งครรภ์เพียง ๒ เดือน ชื่อว่า เทฺวมาสิกะ มีครรภ์ ๒ เดือน. บทว่า โลหิตญฺเว ปคฺฆริ ความว่า ครรภ์วิบัติไหลออกเป็นโลหิต. บทว่า ตทสฺสา มาตา กุปิตา มยฺหํ าตี สมานยิ ความว่า ในกาลนั้นมารดาของหญิงร่วมผัวนั้นโกรธดิฉัน จึงประชุมพวกญาติของตน. ปาฐะว่า ตตสฺสา ดังนี้ก็มี. บทว่า ตตสฺสา นั้น แยกบทเป็น ตโต อสฺสา
บทว่า สปถํ แปลว่า การสาปแช่ง. บทว่า ปริภาสาปยิ ได้แก่ ขู่ให้กลัว. บทว่า สปถํ มุสาวาทํ อภาสิสํ ความว่า เมื่อดิฉันแสดงถึงกรรมชั่วที่ตนทำนั้นแหละว่าไม่ได้ทำ กล่าวมุสาวาท คือ คำที่ไม่เป็นจริง ได้แก่คำสบถว่า ถ้ากรรมชั่วนั้น ดิฉันได้ทำแล้ว ขอให้ดิฉันพึงเป็นเช่นนี้. บทว่า ปุตฺตมงฺสานิ ขาทามิ สเจ ตํ ปกตํ มยา นี้ เป็นบทแสดงอาการที่กระทำสบถในเวลานั้น, อธิบายว่า ถ้าดิฉันได้ทำความชั่ว คือ การทำครรภ์ให้ตกไปนั้น, ในอนาคต
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 68
คือในการที่ดิฉันเกิดในภพใหม่ ขอให้ดิฉันพึงกินเฉพาะเนื้อบุตรของดิฉันเท่านั้น. บทว่า ตสฺส กมฺมสฺส ได้แก่ ปาณาติบาตกรรม ที่หญิงหมันนั้นกระทำด้วยการทำให้ครรภ์ตกไปนั้น. บทว่า มุสาวาทสฺส จ ได้แก่ มุสาวาทกรรมด้วย. บทว่า อุภยํ ได้แก่ ด้วยวิบากแห่งกรรมทั้ง ๒. จริงอยู่ บทว่า อุภยํ นี้ เป็นปฐมาภัติใช้ในอรรถตติยาวิภัติ. มีวาจาประกอบความว่า บทว่า ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา ความว่า ดิฉันเปื้อนหนองและเลือดด้วยอำนาจการไหลออกและด้วยอำนาจการแตกออก เคี้ยวกินเนื้อบุตร.
นางเปรตนั้น ครั้นประกาศวิบากแห่งกรรมของตนอย่างนี้แล้ว จึงได้กล่าวกะพระเถระทั้งหลายอย่างนี้อีกว่า ข้าแต่ท่านทั้งหลายผู้เจริญ ดิฉันเป็นภรรยาของกฎุมพีชื่อโน้นในบ้านนี้เอง เป็นหญิงมีความริษยาเปนปกติ กระทำกรรมชั่วจึงบังเกิดในกำเนิดเปรตอย่างนี้. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดังดิฉันขอโอกาส ขอท่านทั้งหลายจงไปยังเรือนของกฏุมพีคนนั้นเถิด กฏุมพีนั้นจักถวายทานแก่ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงให้เขาอุทิศทักษิณานั้นแก่ดิฉัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ดิฉันจะหลุดพ้นจากเปตโลกนี้. พระเถระทั้งหลายได้ฟังดังนั้นแล้ว เมื่อจะอนุเคราะห์นางตั้งอยู่ในสภาวะการยกขึ้น เข้าไปบิณฑบาตยังบ้านกฏุมพีนั้น. กฏุมพีเห็นพระเถระทั้งหลายแล้วเกิดความเลื่อมใส ต้อนรับแล้วรับบาตร นิมนต์ให้นั่งบนอาสนะ เริ่มให้ฉันด้วยอาหารอันประณีต. พระเถระทั้งหลายแจ้งเรื่องนั้นแก่กฏุมพี แล้วจึงให้เขาอุทิศทานนั้นแก่นางเปรตนั้น. ก็ขณะนั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 69
นั่นเอง นางเปรตนั้นปราศจากทุกข์นั้นแล้วได้รับสมบัติอันยิ่ง แสดงตนแก่กฏุมพีในเวลาราตรี. ลำดับนั้น พระเถระทั้งหลายไปยังกรุงสาวัตถีโดยลำดับ กราบทูลความนั้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้พร้อมมูลกันอยู่ โดยยกเรื่องนั้นขึ้นเป็นอุบัติเหตุ. ในเวลาจบเทศนา มหาชนได้รับความสลดใจ เว้นขาดจากความริษยาและความตระหนี่. เทศนานั้นได้มีประโยชน์แก่มหาชนด้วยประการฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาปัญจปุตตขาทกเปติวัตถุที่ ๖