สหายธรรมท่านหนึ่ง ไม่ประสงค์ออกนามได้ฝากบทกลอนธรรมะเตือนใจมาให้
พิจารณาค่ะ
ปุถุชนเต็มขั้นย่อมหวั่นไหว
เห็นสิ่งใดยังให้จิตคิดอกุศล
ยึดไว้มั่นสำคัญว่าเป็นตน
ปุถุชนมิสดับนับว่าเลว
ขออนุโมทนาในกุศลจิตสหายธรรมท่านนั้นค่ะ
แม้ฟังว่า เป็นแต่ธรรม ซ้ำซ้ำอีก ก็ยากหลีก จากปุถุชน คนยึดมั่น
แสนโกฏิกัปป์ นับนานเนื่อง เปลืองชีวัน ควรพากัน หมั่นฟังธรรม น้อมนำใจ
ขออนุโมทนาครับพี่เมตตา
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ปุถุชนเป็นผู้หนาด้วยกิเลส มืดเพราะอวิชชาปิดบัง จึงศึกษาธรรมะเพื่อละความไม่รู้ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
เป็นบทกลอนที่เป็นสัจจะมีความหมายเตือนใจดี
.
เช่น...ปุถุชนมิสดับนับว่าเลว...
ปุถุชนที่ไม่ฟังธรรม..เพื่อก่อให้เกิดปัญญาละอกุศลธรรมย่อมเต็มไปด้วยธาตุเลว
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
.ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น.
----------
อนุโมทนา ในบทร้อยกรองที่ไพเราะและประกอบด้วยประโยชน์ ครับ
ผมจึงขอแต่งโคลง ๔ สุภาพ อันเป็นคำประพันธ์ที่ผมถนัดไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ธรรมใดปรากฏล้วน อนัตตา
อันปัจจัยปรุงมา เกิดแล้ว
ยึดว่าสัตว์-บุคคลา ทุกสิ่ง สรรพแล
สติเกิดเพียงอาจแคล้ว บาปพ้น ชั่วคราว
เงี่ยโสตสดับถ้อย ภควา
แสดงซึ่งอภิธัมมา เพียบพร้อม
เพื่อสติปัฏฐานา รู้ชอบ
คลายอัตตาจิตน้อม บาปพ้น ถาวร
อนึ่ง ประพันธ์ประเภทร้อยกรองทั้งหลาย อันบุคคลแต่งขึ้นจะไพเราะเพียงใด
ก็ไม่อาจเทียบกับ พุทธพจน์ หรือถ้อยคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ได้เลย
จึงควรให้ความสำคัญ เงี่ยโสตลงสดับ และตั้งใจศึกษาในพุทธพจน์ให้มากที่สุด ครับ.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
อาณิสูตร
[๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ...
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะ
ของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่ม
อื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไปยังเหลือแต่โครงลิ่มแม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าว
แล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา
แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี
อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จักปรารถนา
ฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่า
ควรเรียน ควรศึกษา ฯ
[๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถ
อันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน
เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่
ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวก
เราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่า
นั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
จบสูตรที่ ๗
----------
.ขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย.
ขอแสดงความคิดเห็นว่าพระธรรมวินัยนั้น ซึ่งหมายรวมทั้ง ๓ ปิฎก เป็นมรดกอัน
ล้ำค่า พระธรรมนั้นแสนลึกซึ้ง ยากที่จะเข้าใจได้ หากศึกษาเองไม่มีทางที่จะเข้าใจ
ได้เลย จึงต้องอาศัยกัลยาณมิตรผู้ที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในพระธรรม ศึกษาโดยตรงจากพระไตรปิฎก โดยที่ไม่คิดเอาเอง ตีความผิดไปจากพระพุทธพจน์ นี่เป็นสิ่ง
ที่ทำให้พระสัทธรรมเสื่อมและอันตธานเร็วขึ้น ไม่ว่าผู้ศึกษาพระธรรมจะศึกษาจากอาจารย์ท่านใด จึงควรพิจารณาไตร่ตรองให้ดี
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
ปฐม- ทุติย- ตติยสัทธัมมสัมโมสสูตร
การศึกษาพระธรรมที่ทรงแสดงเพื่ออะไร
ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดในการศึกษาพระธรรม ..ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ต้องตรงกัน
แม้ฟังว่า เป็นแต่ธรรม ซ้ำซ้ำอีก ก็ยากหลีก จากปุถุชน คนยึดมั่น
แสนโกฏิกัปป์ นับนานเนื่อง เปลืองชีวัน ควรพากัน หมั่นฟังธรรม น้อมนำใจ
เป็นบทกลอนธรรมะที่ไพเราะมากค่ะ แฝงไว้ด้วยธรรมะเตือนใจให้รู้ว่าพระธรรมนั้น
แสนลึกซึ้ง ยากที่จะเข้าใจได้จริงๆ หมั่นฟังธรรมเสมอๆ เนืองๆ บ่อยๆ
ขออนุโมทนาคุณวันชัย๒๕๐๔ค่ะ
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
.ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น.
----------
ขอขอบพระคุณและอนุโมทนา กับ คุณป้า เมตตา ใน ความคิดเห็นที่ ๘ ครับ
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง กับคำแนะนำเพิ่มเติมดังกล่าว
เพราะผู้ที่ศึกษาพระพุทธพจน์โดยเคารพ และไม่ประมาทพระธรรมว่าง่าย
ย่อมไม่คิดว่า สามารถเข้าใจข้อความทั้งหมดในพระไตรปิฎกเองได้
แต่ต้องอาศัยคำแนะนำจาก กัลยาณมิตร ผู้มีความเข้าใจถ่องแท้ในพระธรรมวินัย
ซึ่งสามารถอธิบายถ้อยคำอันลึกซึ้ง ให้เข้าใจได้ง่าย และไตร่ตรองตามความเป็นจริง
จึงจะชื่อว่า เป็นผู้ศึกษาพระพุทธพจน์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงอ่านหรือตีความเอาเอง
ขอกราบอนุโมทนา ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้เป็นกัลยาณมิตรอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าผม จะมีโอกาสได้พบพระธรรมวินัย อันประเสริฐสุดในสังสารวัฏฏ์นี้
แต่ถ้าไม่ได้พบท่าน ผมจะไม่มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมวินัย ดังเช่นทุกวันนี้เลย
ขออนุโมทนากัลยาณมิตรท่านอื่นๆ ใน บ้านธัมมะ แห่งนี้ด้วยครับ.
ที่ช่วยประคับประคองความเข้าใจธรรมของผม ให้เจริญมั่นคงยิ่งขึ้น
----------
.ขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย.
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตคุณธุลีพุทธบาท ค่ะ ที่มีความเข้าใจในพระสัทธรรม
ว่าลึกซึ้งจริงๆ เป็นผู้มีศรัทธาที่มั่นคงในพระสัทธรรมอย่างมาก
ขออนุโมทนาอีกครั้งค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ดีใจ ที่เกิดในประเทศไทย
ที่สามารถเอาภาษาบาลี ผสมกับภาษาไทย แต่งเป็นบทกลอนที่สละสลวยไพเราะได้ โดยไม่ขัดเขิน และคงไว้ซึ่งความหมายของบัญญัตินั้นๆ ตามพระธรรม ...ยิ่งทำให้เห็นความกลมกลืน ระหว่าง พระพุทธศาสนา กับ ประเทศไทย
เห็นด้วยกับความเห็นที่ 12 ของคุณเมตตา ครับ
ขอแสดงความนับถือผู้แต่งกลอนทุกท่าน และขออนุโมทนา