จาก ..การสนทนาเรื่องปฏิบัติธรรม อาทิตย์ ๑ เมษายน ๒๕๕๐
ผู้ฟัง ท่าน อ. ค่ะ เรียนถามเรื่องอกุศลจิต อีกซักหน่อยค่ะ คือ ลักษณะของโทสะ มันเป็นลักษณะที่ประทุษร้ายนะคะ และก็ไม่มีใครชอบ แต่ว่าในขณะที่เกิดก็รู้ว่าเป็นลักษณะของสภาพธัมมะที่มีเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ทำให้เกิด เมื่อเกิดขึ้นแล้วเนี่ยก็ประทุษร้ายตัวเองและก็ผู้อื่นด้วยแล้วแต่กำลังของโทสะในขณะนั้นที่จะเกิดขึ้น จะกราบเรียนถามท่าน อ. ว่าพระพุทธเจ้าทรงให้ข้อที่จะมีการระงับอกุศลจิตประเภทนี้หรือว่าทำให้กำลังมันอ่อนลง จะมีบ้างไหมค่ะที่ทรงแสดงไว้นะคะ
อ. ทรงแสดงพระธรรมทุกประการนะค่ะ โดยที่ว่าตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นที่สูงสุด ท่าน ต้องการจะไม่มีโทสะระดับไหน
ผู้ฟัง จริงๆ แล้วเนี่ย ยอมรับนะคะว่ามันเป็นไปไม่ได้ คือ โทสะเมื่อมีเหตุปัจจัยก็ต้องเกิด แต่ขณะที่ไม่มีปัญญา ที่จะรู้ว่าสิ่งๆ นั้นคือสภาพธัมมะและไม่ใช่ตัวตน ก็มีตัวตนที่มีโทสะ แต่ก็ไม่มีปัญญาที่จะคิดได้ว่าเป็นธัมมะ ทีนี้เนี่ยอยากจะให้ท่าน อ. ช่วย คือเมื่อมีเหตุปัจจัยแล้วเกิดเนี่ย อย่างที่พวกเราทราบอยู่ว่า เมื่อโทสะเกิดขึ้นย่อมมีส่วนที่จะสะสมและมีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นอีกนะคะ ท่าน อ. ค่ะ
อ. ขณะที่โทสะเกิด ท่านผู้ฟังต้องการระงับโทสะขั้นไหน ระดับไหน ชั่วคราวไม่ให้โทสะนั้นเกิดต่อไป หรือรู้ความจริงเพื่อไม่ให้โทสะเกิดอีกเลย
ผู้ฟัง กราบท่าน อ. คะ วัตถุประสงค์ของการศึกษาก็เพื่อให้โทสะไม่เกิดอีกเลย แต่เนื่องจากว่าปัญญาขั้นต้นไม่สามารถจะเป็นเช่นนั้นได้ ก็อยากจะขอปัญญาขั้นที่ระงับโทสะที่มันกลุ้มรุมและทำร้ายนะคะ
อ. คะ ท่านผู้ฟังก็บอกใช่ไหมค่ะ ว่าเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ และเป็นสภาพธัมมะที่ทำร้ายบุคคลผู้ที่มีโทสะ พูดได้ พอถึงเวลาโกรธ คิดไม่ออก ลืมไปหมดเพราะฉะนั้น จึงแสดงให้เห็นว่า ถึงจะบอกอย่างไร เป็นความมั่นคงของปัญญาที่มีความเข้าใจจริงๆ อย่างนั้นหรือเปล่า เพราะถึงจะฟังยังไง ก็ไม่พ้นจากคำว่า โทสะ เป็นสภาพธัมมะอย่างหนึ่ง เมื่อมีเหตุปัจจัยจึงเกิด และขณะที่เกิดก็เป็นสภาพที่หยาบกระด้างแและกำลังทำร้ายด้วย นี่คือโทสะยังไม่เกิดขณะนั้น พูดได้ เข้าใจได้ และเวลาที่โทสะเกิด คำพูดนี้หายไปไหนหมด เพราะฉะนั้น ความเข้าใจจริงๆ ไม่พอที่จะคิดได้ในขณะนั้น ความคิดของแต่ละคนเนี่ยค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าขณะต่อไปจะคิดอะไร กำลังมีโทสะขณะต่อไปจะคิดอะไร รู้ไม่ได้เลย แต่วันหนึ่งโทสะเกิด คิดได้ว่าขณะนั้นเป็นธัมมะที่ไม่ได้ทำร้ายคนอื่นเลยแต่เป็นสภาพธัมมะที่ทำร้ายตัวเอง ขณะนั้นทำให้เกิดความทุกข์ ความไม่สบายใจ วันไหนที่คิดขึ้นมาอย่างนี้ก็บังคับบัญชาไม่ได้ แต่การคิดไม่ได้ละโทสะจนหมดไม่เหลือ แต่ก็เป็นการสะสมความเข้าใจที่จะทำให้คิดได้ เพราะฉะนั้นจะต้องการอะไรอีกค่ะ ในพระไตรปิฎกก็มีเรื่องของการให้เห็นโทษของโทสะและการระงับโทสะ โดยวิธีต่างๆ แต่พอถึงเวลาโทสะเกิด คิดออกหรือเปล่า หรือว่าลืมไปหมด หรือว่ามีความเข้าใจขึ้น ไม่ต้องเตรียมเลยนะค่ะ ว่าพอโทสะเกิดจะคิดอย่างนี้ เตรียมไม่ได้ค่ะ แต่ว่าเมื่อโทสะเกิดแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นอะไร นั่นอีกเรื่องหนึ่งตามการสะสม เพราะฉะนั้นคุณ..ที่ฟังธัมมะนะค่ะต้องการที่จะเข้าใจธัมมะ เป็นปัญญาที่สามารถที่จะเห็นถูกตามความเป็นจริงว่า ธัมมะเป็นธัมมะไม่ใช่ตัวตน หรือต้องการให้รู้อย่างนี้ เพื่อให้ไม่มีโทสะ ผู้ฟัง..จริงๆ ก็ต้องการฟังธัมมะ เพื่อที่จะรู้ว่าเป็นธัมมะและก็ไม่มีตัวตน
อ. คะ ก็ไม่ต้องห่วงเลย เข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น ก็มีปัจจัยที่จะทำให้เกิดตรึก เกิดคิดตามที่ได้ศึกษามา เข้าใจเพิ่มขึ้น
ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนา
ถึงจะรู้ว่าโทสะไม่ดี มีโทษทำลายตัวเองและคนอื่นด้วย ก็ยังมีโทสะอยู่ เราไม่สามารถห้ามไม่ให้โทสะเกิด แต่สามารถอบรมปัญญาในขณะนั้นได้ เช่น สติเกิดระลึกสภาพธรรมในขณะนั้นที่โกรธ รู้ลักษณะของโทสะว่าเป็นธรรมะอย่างหนึ่ง เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับ ขออนุโมทนาคุณอารายเนี่ย อ่านดีมากและมีประโยชน์ต่อคนอื่นที่อ่านด้วย
ขออนุโมทนาค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ