อยากทราบว่าวิบากจิตดังกล่าวนั้นหมายถึง การเห็น การได้ยิน การลิ้มรส ความทุกข์ทางกาย สุขทางกาย หรือไม่?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้สิ่งที่กระทำสัมผัสกาย ไม่ได้ทำกิจปฏิสนธิ เพราะเหตุว่าจิตที่ทำปฏิสนธิกิจ ได้แก่ วิบากจิต ๑๙ ดวง คือ
กามาวจรวิบาก ๑๐ ดวง
รูปาวจรวิบาก ๕ ดวง
อรูปาวจรวิบาก ๔ ดวง
คำบรรยายของอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในเรื่องนี้ มีดังนี้
สำหรับการฟังพระธรรมนั้น ควรที่จะพิจารณาให้เข้าใจจริงๆ โดยตลอด โดยหลายนัย ไม่ใช่ฟังแล้วก็ผ่านไป คนที่จะเข้าใจสภาพธรรมได้จริงๆ คือ ฟัง และคิด พิจารณา เช่น เมื่อทราบจิต ๘๙ ดวงนั้น จิตที่ทำปฏิสนธิกิจมี ๑๙ ดวง คือ
อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากจิต ๑ ดวง ทำกิจปฏิสนธิในอบายภูมิ ๔ ภูมิ อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก ๑ ดวง ทำกิจปฏิสนธิในมนุษย์และสวรรค์ชั้นต้น คือชั้นจาตุมหาราชิกา โดยเป็นผู้ที่พิการตั้งแต่กำเนิด
กามาวจรวิบากจิตหรือมหาวิบากจิต ๘ ดวง ทำกิจปฏิสนธิในกามสุคติภูมิ ๗ ภูมิ คือ มนุษย์ ๑ ภูมิ สวรรค์ ๖ ภูมิ สำหรับผู้ที่ไม่พิการตั้งแต่กำเนิด
รูปาวจรวิบากจิต ๕ ดวง ทำกิจปฏิสนธิในรูปพรหม ๑๕ ภูมิ
รูปพรหมภูมิทั้งหมดมี ๑๖ ภูมิ แต่รูปพรหมภูมิที่มีขันธ์ ๕ มี ๑๕ ภูมิ และ รูปพรหมภูมิที่ไม่มีนามขันธ์ ไม่มีจิตเจตสิกเกิดเลยมี ๑ ภูมิ คือ อสัญญสัตตาพรหม เพราะฉะนั้น รูปาวจรวิบากจิต ๕ ดวง ทำกิจปฏิสนธิเฉพาะในรูปพรหมภูมิ ๑๕ ภูมิ
และอรูปาวจรวิบากจิต ๔ ดวง ทำกิจปฏิสนธิในอรูปพรหม ๔ ภูมิ
รวมเป็นจิต ๑๙ ดวง ทำกิจปฏิสนธิใน ๓๐ ภูมิ และรูปปัญจมฌานกุศลจิต เป็นปัจจัยให้รูปปฏิสนธิในอสัญญาสัตตาพรหม ๑ ภูมิ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ