ได้มาอ่านข้อความเก่าๆ อีกรอบ หลังจากที่เคยโพสต์ถามไว้ ทำให้มีความรู้สึกซาบซึ้ง มาก ที่ผู้รู้หลายท่านได้ให้คำตอบที่เป็นข้อคิดในธรรม ทำให้เกิดความเพียรมากมายและ คำเตือนที่เกี่ยวกับเรื่องฆ่าปลวกจากคุณ แล้วเจอกัน ว่า "ผู้ที่เบียดเบียนผู้อื่นเพราะเหตุ แห่งของรัก เป็นต้น ชื่อว่าทำร้ายตัวเองอยู่นะ เพราะจะต้องได้รับผลที่ไม่ดีจากการ กระทำนั้น ถ้ารักตัวเองก็อย่าทำเลย รักษาบ้านด้วยการทำบาป รักษาบ้านได้จริง แต่ รักษาตัวเราให้พ้นไปจากกรรมที่ไม่ดี และผลกรรมที่ไม่ดีไม่ได้เลย พิจารณาดูครับ ไม่คุ้มหรอก"
คำเตือนนี้ทำให้เกิดการเกรงกลัวต่อการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นอย่างมากจะด้วยเพราะ รักตัวเองหรือเพราะกลัวในผลของกรรมก็แล้วแต่ ต้องขอขอบคุณท่านผู้รู้ทุกท่านด้วย ความนอบน้อมพร้อมทั้งอนุโมทนาในกุศลจิตทั้งหลายของท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาบุญด้วยเช่นกันนะครับ ที่เห็นโทษของอกุศลที่จะเกิดขึ้น พระธรรมของ พระผู้มีพระภาคเจ้า ประโยชน์คือเห็นโทษของกิเลสและประพฤติในธรรมที่เป็นสุจริต ซึ่งเมื่อปัญญาของบุคคลนั้นเกิดจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม บุคคลนั้นเองก็ จะได้รับประโยชน์คือเห็นโทษของกิเลส และเมื่อมีปัญญามากขึ้นเท่าไหร่ ธรรมก็จะ น้อมประพฤติปฏิบัติเองให้เห็นโทษของกิเลสมากขึ้น จนถึงในที่สุดเห็นโทษของกิเลส ในขณะนี้ที่เต็มไปด้วยความไ่ม่รู้ที่ยึดถือว่าเป็นเราครับ ไม่ประมาทในอกุศลเพียงเล็ก น้อยและเจริญกุศลทุกๆ ประการตามกำลังปัญญาและที่สำคัญศึกษาพระธรรมในหนทาง ที่ถูกต้องต่อไปครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับที่ได้ประโยชน์จากพระธรรม เมื่อก่อนเป็นผู้ประมาทที่จะทำอกุศล ภายหลังไม่ทำอกุศลด้วยควาไม่ประมาท
ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านกระทู้ที่อ้างอิงไว้ที่นี่ครับ..........จำเป็น
ฝากธรรมไว้เตือนใจครับ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒-หน้าที่ 150
ข้อความบางตอนจาก องคุลิมาลสูตร พระองคุลิมาลอุทาน [๕๓๔] ครั้งนั้น ท่านพระองคุลิมาลไปในที่ลับเร้นอยู่ เสวยวิมุตติสุขเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลัง ผู้นั้นไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสีย ได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น ภิกษุใดแล ยังเป็นหนุ่ม ย่อมขวนขวาย ในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมยังโลกนี้ ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึงพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ครับ
บุคคลผู้ประพฤติทุจริตทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ชื่อว่า เป็นผู้ไม่รักษาตน เพราะขณะนั้นเป็นการกระทำเหตุที่ไม่ดี ซึ่งจะเป็นเหตุทำให้ตนเองได้รับผลที่ไม่ดีในภายหน้า โดยที่ไม่มีใครทำให้เลย นอกจากกรรมของตนเองเท่านั้น เพราะเหตุว่าเวลาที่อกุศลกรรมให้ผลนั้น ถึงแม้ว่าจะมีบุคคลอื่นคอยคุ้มครองป้องกันรักษา แต่ อกุศลวิบากซึ่งเป็นการที่จะได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน เพราะผลของอกุศลกรรมที่ตนเองได้กระทำแล้ว ก็ย่อมเกิดขึ้น ส่วน บุคคลผู้รักษาตนอย่างแท้จริง คือ รักษาด้วยการกระทำกายสุจริต (เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม) วจีสุจริต (เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการพูดคำหยาบ เว้นจากการพูดส่อเสียด เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ) มโนสุจริต (ไม่โลภอยากได้ของๆ ผู้อื่น ไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น และ มีความเห็นที่ถูกต้อง) ไม่ใช่อยู่ที่การมีบุคคลมากมายมาแวดล้อมป้องกันรักษา เพราะถึงแม้ว่าบุคคลนั้นจะไม่มีใครมาแวดล้อม ปกป้องรักษาเลย แต่เป็นผู้ที่ได้กระทำกายสุจริตวจีสุจริต มโนสุจริต และที่สำคัญกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต ซึ่งเป็นกรรมดี ยังให้ผลอยู่ ก็ย่อมไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสามารถที่จะไปประทุษร้ายเบียดเบียนให้ได้รับความเดือดร้อนได้เลย ดังนั้น ผู้ที่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องของเหตุผลตามความเป็นจริง ก็จะทราบได้จริงๆ ว่า ผู้รักษาตน ก็คือ ผู้ที่กระทำสุจริต ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ นั่นเอง "เกิดเป็นมนุษย์ นั้นดีแล้ว ดีกว่าเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่ได้อย่างยากแสนยากแล้ว จะทำของยากให้เป็นของสุรุ่ยสุร่าย อย่างไรกัน" ครับ.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ
ปิยสูตร ...วันเสาร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ มีมือเท้าไว้ทำอะไร
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผู้ใช้นามว่า "Khun" คุณผเดิมและทุกๆ ท่าน ครับ...
สาธุ...