2 ประโยคนี้ หมายถึงอะไรครับ พอจะอธิบายได้ไหม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง แสดงถึงความเป็นจริงทั้งหมด เมื่อกล่าวถึงธรรมแล้ว ไม่พ้นไปจากนามธรรมและรูปธรรม สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลยไม่ใช่นามธรรมก็เป็นรูปธรรมทั้งหมด นามธรรมแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ นามธรรมที่รู้อารมณ์ ได้แก่จิตและเจตสิก และ นามธรรมที่ไม่รู้อารมณ์ ได้แก่พระนิพพาน พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้นที่ประจักษ์แจ้งพระนิพพานได้
พระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม เป็นนามธรรม ที่ไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาพธรรมที่ดับทุกข์ ดับกิเลส ปราศจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ตรงกันข้ามกับสภาพธรรมที่เกิดดับอย่างสิ้นเชิง นี้คือ ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นพระนิพพาน
ผู้ที่ประจักษ์พระนิพพาน ก็คือ พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้น ดังนั้น ผู้รู้พระนิพพานต้องเป็นพระอริยบุคคล เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ก็คือ ในขณะที่มรรคจิตเกิดขึ้น ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสตามลำดับขั้น ส่วนพระนิพพานเป็นนามธรรม และเป็นนามธรรมที่ไม่รู้อารมณ์
การไปถึงนิพพานก็ด้วยการอบรมมรรคมีองค์ ๘ มีปัญญาเป็นต้น ไม่ใช่ด้วยความไม่รู้ ดังนั้น กิจที่ควรทำ คือ การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ซึ่งขาดความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ขั้นต้นไม่ได้เลย จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้สะสมเหตุ คือ การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ไม่ใช่สังขารธรรม และ ไม่มีใคร ไม่มีสัตว์บุคคลในนิพพาน
นิพพานไม่ใช่สภาพรู้ จึงไม่มีใครที่จะรู้นิพพาน และ นิพพานก็ไม่ได้ไปรู้อะไรทั้งสิ้น ผู้รู้ โดยสมมติ คือ ปัญญา ที่รู้ความจริง ผู้รู้ไม่ใช่นิพพาน คือ ไม่มีผู้รู้ที่รู้ความจริง แต่มีปัญญาที่รู้ ประจักษ์พระนิพพาน ที่เป็นกุศลจิตประกอบด้วยปัญญา ที่เป็นโลกุตตรกุศลจิตที่รู้นิพพานตามความเป็นจริง ไม่มีสัตว์ บุคคลที่รู้นิพพาน และ พระนิพพานไม่ใช่ผู้รู้ เพราะพระนิพพานไม่ใช่สภาพธรรมที่รู้อารมณ์ ดังเช่น จิต เจตสิก พระนิพพานจึงไม่ใช่ผู้รู้ และ พระนิพพาน ก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ใดๆ ทั้งสิ้น จึงไม่มีใครรู้ ไม่ใช่ผู้รู้ ที่เป็นสัตว์ บุคคล ครับ
เรื่องของคำต่างๆ หากเป็นการเล่นคำที่แปลกใหม่ แต่ไม่ทำให้เข้าใจความจริง คำนั้นก็สูญเปล่า เพราะไม่ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นแต่เพียงคำสวยหรูที่ใช้พูดกัน ก็เรียกคำพูดที่พูดนั้นว่าเป็นคำที่บ่นเพ้อกันไป แต่คำใดที่พูดแล้วอ่านแล้วเกิดปัญญา โดยอ้างอิงมาจากพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง แม้จะไม่สวยหรู ดูดี แต่คำนั้นดี เพราะนำมาซึ่งความดี คือ กุศลและปัญญาจากผู้ที่ได้อ่านได้ศึกษาคำนั้น ครับ
เพราะฉะนั้นคำที่ควรศึกษาสนใจ คือ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก ที่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศล ละอกุศล และเจริญขึ้นของปัญญา ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ