* โลก ในที่นี้หมายถึงสังขารโลก คือ สภาพธรรมที่อาศัยปัจจัยปรุงแต่ง เกิดแล้วดับ ได้แก่ จิต (สภาพรู้ที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้สิ่งที่ปรากฏ) เจตสิก (สภาพรู้ที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต เช่น ความรู้สึก ความจำ ความจงใจ) และรูป (สภาพที่ไม่ใช่ธาตุรู้ เช่น สี เสียง กลิ่น รส เย็น-ร้อน อ่อน-แข็ง ตึง-ไหว)
* โลก ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่น โลกทางตา ก็ต้องมีสิ่งที่ปรากฏทางตาคือสี มีตา มีสภาพรู้ทางตา
* เมื่อยังมีพืชเชื้อกิเลสในจิต ที่ยังไม่ได้ดับ ก็มีปัจจัยให้กิเลสเกิดขึ้น ซึมซาบ ไหลไป คืออาสวะ ในโลกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อยู่เสมอ โดยไม่รู้เลย จึงมีกิเลสซึมซาบอยู่เป็นปกติ
* พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า (และพระอรหันต์ทั้งหลาย) ทรงประจักษ์แจ้งโลกตามความเป็นจริง และพ้นจากอาสวะทั้งหลาย (ความติดข้อง ความเห็นผิด ความไม่รู้) ซึ่งเป็นกิเลสบางเบา ที่ซึมซาบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงเป็นพุทธะ
* พระสูตรนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ท่านโทณพราหมณ์ ทำให้ท่านได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอนาคามีบุคคล ซึ่งต่อมาภายหลังการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว ท่านได้ระงับการทะเลาะกันของเหล่ากษัตริย์ทั่วพื้นชมพูทวีป ที่ต่างต้องการพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยการกล่าวคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านก็ได้เป็นผู้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ อย่างเหมาะสม
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนา ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ