“ธรรมะทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ”
พุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุและผล ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ หรือเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นทั้งสิ้นดังที่ท่านพระอัสสชิแสดงธรรมแก่ท่านพระสารีบุตรว่า “ธรรมะทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ” นั่นก็คือ การที่ทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน เป็นเพราะได้กระทำเหตุ คือทำกรรมมาต่างกัน กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเอง เป็นเหตุให้มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ต่างกัน มีอุปนิสัยดีเลวต่างกัน กรรมที่กระทำไว้แล้วนั่นเองเป็นเหตุให้ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้รับความสุข ทุกข์สรรเสริญ นินทา ท่านจะเข้าใจสิ่งที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาพระอภิธรรมโดยละเอียด พระอภิธรมเป็นคำสอนเกี่ยวกับสภาวธรรมที่มีอยู่จริงหรืออีกนัยหนึ่งคือสัจจธรรมนั่นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงบำเพ็ญความเพียรอบรมพระบารมีถึง ๔ อสงไขยแสนกัป เพื่อตรัสรู้ สัจจธรรม หรือ ความจริงของสิ่งทั้งปวง นี้ ฉะนั้น ความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นไม่ง่าย ผู้ใดที่คิดว่าพระธรรมเป็นของง่ายไม่จำเป็นต้องศึกษาก็สามารถเข้าใจได้ ผู้นั้นกำลังเข้าใจผิดและกำลังประมาทพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า แม้พระพุทธองค์เองเมื่อทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ก็ไม่ทรงน้อมพระทัยที่จะแสดงพระธรรมแก่สัตว์โลก ด้วยทรงเห็นว่าพระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นละเอียด ลึกซึ้ง และรู้ตาม เห็นตามได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยสะสมปัญญามาก็จะสามารถพิจารณาหรือพิสูจน์ธรรมะที่ทรงแสดงได้ตามกำลังของปัญญาของตน ดังข้อความปรากฏในคำนำของหนังสือพระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยว่า พระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้น เป็นธรรมที่ลึกซึ้งรู้ตามเห็นตามได้ยาก สงบ ประณีต ไม่อาจรู้ได้ด้วยการตรึกละเอียด เป็นธรรมอันบัณฑิตจะรู้ได้
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
กรรมคำตอบของชีวิต
อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่
ขออนุโมทนาครับ