ได้มีโอกาสฟังท่านอาจารย์สุจินต์บรรยาย เรื่องการเจริญสติปัฏฐาน ขณะที่มีโทสะเกิดขึ้น ก็มีสติระลึกรู้ตัวว่าจิตมีโทสะ เป็นนามอย่างหนึ่ง มิใช่ตัวตน ผมจึงมีข้อสงสัยว่า ตามที่ได้ศึกษามา สติเจตสิก ต้องเกิดกับจิตที่เป็นกุศลเท่านั้น เมื่อมีโทสะเป็นอกุศลจิต จะมีสติระลึกรู้ตัวเป็นสติปัฏฐานได้อย่างไรครับ
หรือถ้าหากว่าโทสะต้องดับไปก่อน แล้วจึงเกิดสติเจตสิกตามมาทีหลัง จะเรียกว่าเป็นสติปัฏฐานได้หรือไม่ครับ เพราะท่านอาจารย์สุจินต์ได้เน้นย้ำว่า สติปัฏฐานต้องเป็นการรู้นามรูปที่มีจริงในขณะนั้น เท่านั้นครับ ขอท่านผู้รู้ช่วยเมตตาให้คำตอบด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหัตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขณะที่โทสะเกิด เป็นอกุศล ซึ่งแน่นอนว่าในขณะนั้น สภาพธรรมฝ่ายดีใดๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ การระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่เป็นโทสะ ก็ต้องเป็นโทสะที่เกิดดับสืบต่อ ซึ่งยังปรากฏในขณะนั้น เป็นปัจจุบันสันตติ โทสะจึงเป็นอารมณ์ของสติในขณะนั้นได้ ไม่ใช่ว่าโทสะที่เป็นอารมณ์ของสติ จะเกิดพร้อมกับสติ แต่ต้องเป็นคนละขณะกัน
กว่าจะไปถึงสติปัฏฐาน ก็ต้องมีความเข้าใจอย่างมั่นคงในความเป็นธรรม ซึ่งจะต้องมีรากฐานที่สำคัญคือฟังเรื่องของสิ่งที่มีจริงๆ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
อนุโมทนาสาธุ ขอบคุณครับ
ขออนุโมทนาครับ
รูัสภาพธรรมที่เกิดขณะนั้น โทสะมีเหตุปัจจัยก็เกิด เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา