[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 11
๓. เรื่องนางลาชเทวธิดา [๙๗]
ขอความเบื้องตน
พระศาสดา เมื่อประทับอยูในพระเชตวัน ทรงปรารภนางลาชเทวธิดา ตรัสพระธรรมเทศนานี้วา "ปฺุญฺเจ ปุริโส กยิรา" เปนตน
เรื่องเกิดขึ้นแลวในเมืองราชคฤห หญิงถวายขาวตอกแกพระมหากัสสป ความพิสดารวา ทานพระมหากัสสป อยูที่ปปผลิคูหา เขาฌาณ แลว ออกในวันที่๗ ตรวจดูที่เที่ยวไปเพื่อภิกษาดวยทิพยจักษุ เห็น หญิงรักษานาขาวสาลีคนหนึ่ง เด็ดรวงขาวสาลีทําขาวตอกอยู พิจารณาวา "หญิงนี้มีศรัทธาหรือไมหนอ" รูวา "มีศรัทธา" ใครครวญวา "เธอ จักอาจ เพื่อทําการสงเคราะหแกเราหรือไมหนอ" รูวา "กุลธิดาเปน หญิงแกลวกลา จักทําการสงเคราะหเรา ก็แลครั้นทําแลว จักไดสมบัติ เปนอันมาก" จึงครองจีวรถือบาตร ไดยืนอยูที่ใกลนาขาวสาลี กุลธิดา พอเห็นพระเถระก็มีจิตเลื่อมใส มีสระรีอันปติ ๕ อยางถูกตองแลวกลาววา นิมนตหยุดกอน เจาขา "ถือขาวตอกไปโดยเร็ว เกลี่ยลงในบาตรของ พระเถระแลว ไหวดวยเบญจางค ประดิษฐไดทําความปรารถนาวา "ทาน เจาขา ขอดิฉันพึงเปนผูมีส่วนแหงธรรมที่ทานเห็นแลว" จิตเลื่อมใสในทานไปเกิดในสวรรค
พระเถระไดทําอนุโมทนาวา "ความปรารถนาอยางนั้น จงสําเร็จ "ฝายนางไหวพระเถระแลว พลางนึกถึงทานที่ตนถวายแลวกลับไป. ก็ใน คําวา เบญจางคประดิษฐแปลวา ตั้งไวเฉพาะซึ่งองค๕ หมายความวา ไหวไดองค ๕ คือ หนาผาก ๑ ฝามือทั้ง ๒ และเขาทั้ง ๒ จดลงที่พื้น จึงรวมเปน ๕. หนทางที่นางเดินไป บนคันนา มีงูพิษรายนอนอยูในรูแหงหนึ่ง งูไม อาจขบกัดแขงพระเถระอันปกปดดวยผากาสายะได. นางพลางระลึกถึง ทานกลับไปถึงที่นั้น. งูเลื้อยออกจากรู กัดนางใหลมลง ณ ที่นั้นเอง นางมีจิตเลื่อมใส ทํากาละแลว ไปเกิดในวิมานทองประมาณ ๓๐ โยชน ในภพดาวดึงส มีอัตภาพประมาณ ๓ คาวุต ประดับเครื่องอลังการทุกอยาง เหมือนหลับแลวตื่นขึ้น.
วิธีทําทิพยสมบัติใหถาวร
นางนุงผาทิพยประมาณ ๑๒ ศอกผืนหนึ่ง หมผืนหนึ่ง แวดลอม ดวยนางอัปสรตั้งพัน เพื่อประกาศบุรพกรรม จึงยืนอยูที่ประตูวิมาน อันประดับดวยขันทองคํา เต็มดวยขาวตอกทองคําหอยระยาอยู ตรวจดู สมบัติของตน ใครครวญดวยทิพยจักษุวา "เราทํากรรมสิ่งไรหนอ จึง ไดสมบัตินี้" ไดรูวา "สมบัตินี้เราไดแลว เพราะผลแหงขาวตอกที่เรา ถวายพระผูเปนเจามหากัสสปเถระ" นางคิดวา "เราไดสมบัติเห็นปานนี้ เพราะกรรมนิดหนอยอยางนี้ บัดนี้เราไมควรประมาท เราจักทําวัตร ปฏิบัติแกพระผูเปนเจา ทําสมบัตินี้ใหถาวร" จึงถือไมกวาด และกระเชา สําหรับเทมูลฝอยสําเร็จดวยทองไปกวาดบริเวณของพระเถระ แลวตั้งน้ํา ฉันน้ําใชไวแตเชาตรู
พระเถระเห็นเชนนั้น สําคัญวา "จักเปนวัตรที่ภิกษุหนุมหรือสามเณร บางรูปทํา" แมในวันที่๒ นางก็ไดทําอยางนั้น. ผายพระเถระก็สําคัญ เชนนั้นเหมือนกัน. แตในวันที่๓ พระเถระไดยินเสียงไมกวาดของนาง คาวุต ๑ ยาวเทากับ ๑๐๐ เสน. และเห็นแสงสวางแหงสรีระฉายเขาไปทางชองลูกดาล จึงเปดประตู (ออก มา) ถามวา "ใครนั่น กวาดอยู"
นาง ทานเจาขา ดิฉันเอง เปนอุปฏฐายิกาของทาน ชื่อลาชเทวธิดา
พระเถระ อันอุปฏฐายิกาของเรา ผูมีชื่ออยางนั้น ดูเหมือนไมมี
นาง ทานเจาขา ดิฉัน ผูรักษานาขาวสาลี ถวายขาวตอกแลว มีจิต เลื่อมใสกําลังกลับไป ถูกงูกัด ทํากาละแลว บังเกิดในเทวโลกชั้นดาวดึงส ทานเจาขา ดิฉันคิดวา "สมบัตินี้เราไดเพราะอาศัยพระผูเปนเจา แมใน บัดนี้ เราจักทําวัตรปฏิบัติแกทาน ทําสมบัติใหมั่นคง, จึงไดมา"
พระเถระ ทั้งวานนี้ทั้งวานซืนนี้ เจาคนเดียวกวาดที่นี่. เจาคน เดียวเขาไปตั้งน้ําฉันน้ําใชไวหรือ
นาง อยางนั้น เจาขา
พระเถระ จงหลีกไปเสีย นางเทวธิดา, วัตรที่เจาทําแลว จงเปนอันทําแลว, ตั้งแตนี้ไป เจาอยามาที่นี้ (อีก)
นาง อยาใหดิฉันฉิบหายเสียเลย เจาขา ขอพระผูเปนเจา จงให ดิฉันทําวัตรแกพระผูเปนเจา ทําสมบัติของดิฉันใหมั่นคงเถิด
พระเถระ จงหลีกไป นางเทวธิดา เจาอยาทําใหเราถูกพระธรรมกถึกทั้งหลาย นั่งจับพัดอันวิจิตร พึงกลาวในอนาคตวา ไดยินวา นางเทวธิดาผูหนึ่ง มาทําวัตรปฏิบัติ เขาไปตั้งน้ําฉัน น้ําใชเพื่อพระมหากัสสปเถระ แตนี้ไป เจาอยามา ณ ที่นี้ จงกลับไปเสีย
นางจึงออนวอนซ้ําๆ อีกวา "ขอทานอยาใหดิฉันฉิบหายเลย เจาขา" พระเถระคิดวา "นางเทวธิดานี้ไมเชื่อฟงถอยคําของเรา" จึงปรบ มือดวยกลาววา "เจาไมรูจักประมาณของเจา" นางไมอาจดํารงอยูในที่นั้นได เหาะขึ้นในอากาศ ประคองอัญชลี ไดยืนรองไห (คร่ําครวญอยู) ในอากาศวา "ทานเจาขา อยาใหสมบัติ ที่ดิฉันไดแลวฉิบหายเสียเลย จงใหเพื่อทําใหมั่นคงเถิด" บุญใหเกิดสุขในภพทั้งสอง
พระศาสดา ประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั่นเอง ทรงสดับเสียงนาง เทวธิดานั้นรองไห ทรงแผพระรัศมีดุจประทับนั่งตรัสอยูในที่เฉพาะหนา นางเทวธิดา ตรัสวา "เทวธิดา การทําความสังวรนั่นเทียว เปนภาระ ของกัสสปผูบุตรของเรา แตการกําหนดวา นี้เปนประโยชนของเรา แลวมุงกระทําแตบุญ ยอมเปนภาระของผูมีความตองการดวยบุญ ดวยวา การทําบุญเปนเหตุใหเกิดสุขอยางเดียว ทั้งในภพนี้ ทั้งในภพหนา" ดังนี้ เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้วา ปฺฺุเจ ปุริโส กยิรา กยิราเถน ปุนปฺปุน ตมฺหิ ฉนฺท กยิราถ สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย "ถาบุรุษพึงทําบุญไซร พึงทําบุญนั้นบอยๆ พึง ทําความพอใจในบุญนั้น เพราะวา ความสั่งสมบุญ ทําใหเกิดสุข"
แกอรรถ
เนื้อความแหงพระคาถานั้นวา "ถาบุรุษพึงทําบุญไซร. ไมพึง งดเวนเสียดวยเขาใจวา "เราทําบุญครั้งเดียวแลว พอละ ดวยบุญเพียง เทานี้ พึงทําบอยๆ แมในขณะทําบุญนั้น พึงทําความพอใจคือความ ชอบใจ ไดแกความอุตสาหะในบุญนั่นแหละ. ถามวา "เพราะเหตุไร" วิสัชนาวา เพราะวาความสั่งสมบุญใหเกิดสุข อธิบายวา เพราะวา ความสั่งสมคือความพอกพูนบุญ ชื่อวาใหเกิดสุข เพราะเปนเหตุนําความ สุขมาใหในโลกนี้และโลกหนา
ในกาลจบเทศนา นางเทวธิดานั้น ยืนอยูในที่สุดทาง ๔๕ โยชน นั่นแล ไดบรรลุโสดาปตติผลแลว ดังนี้แล
เรื่องนางลาชเทวธิดา จบ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น