ถ. ที่ท่านกล่าวถึงวิการรูป ท่านอาจจะหมายถึงว่า รูปทั้งหมดที่ประชุมรวมกันอยู่นี้ เพราะวิการรูปนี้เองจึงทำให้รูปนี้สามารถจะทรงอยู่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง คือ เดิน นั่ง นอน หรือยืนอย่างนี้เป็นต้น จะถูกต้องไหมครับ
สุ. เก้าอี้ก็อยู่ในท่านั่งหรือรูปนั่ง มีวิการรูปไหม ไม่มี เพราะฉะนั้น เป็นผู้รู้ลักษณะของรูปที่ต่างกันว่า ธาตุดินบางส่วนไม่มีความเบา ไม่มีความอ่อน ไม่มีความควรแก่การงาน มหาภูตรูปส่วนใดไม่มีลักษณะที่อ่อน ที่เบา ที่ควร เป็นการรู้ชัดในลักษณะของมหาภูตรูป เคยเข้าใจยึดถือรูปที่ประชุมรวมกันทรงอยู่ในท่าหนึ่งท่าใด แต่ว่าในนามรูปปริจเฉทญาณนั้นมีลักษณะของรูปแต่ละรูปที่ปรากฏแต่ละลักษณะ แล้วแต่ว่าผู้นั้นจะประจักษ์ลักษณะของนามกี่ชนิด รูปกี่ชนิด สืบต่อกันทีละ ๑ ชนิด เพราะฉะนั้น ท่านผู้ฟังควรจะคิดเป็นขั้นๆ ว่า ท่านรู้รูปรู้นามถูกต้องตามลักษณะของรูป ถูกต้องตามลักษณะของนามหรือไม่
รูปนั่ง ไม่มีอาการของรูปปรากฏที่จะให้ละคลายการยึดถือว่าเป็นตัวตน เพราะถ้าประชุมรวมกันอยู่ ทรงอยู่ ตั้งอยู่ จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดินก็ตาม ก็ยังคงเป็นตัวตน ปัญญาที่จะละการยึดถือนามรูปว่าเป็นตัวตนได้นั้น ปัญญาจะต้องรู้ลักษณะของนามลักษณะของรูปแต่ละชนิดซึ่งไม่เหมือนกันมากขึ้น เพิ่มขึ้น ชัดขึ้น ชินขึ้น ทั่วขึ้น
รูปทางตาก็อย่างหนึ่ง ทางหูก็อย่างหนึ่ง ทางจมูกก็อย่างหนึ่ง ทางลิ้นก็อย่างหนึ่ง ทางกายก็อย่างหนึ่ง แล้วทำไมถึงจะไม่รู้ และเมื่อบังคับสติอย่างนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้รู้ลักษณะของนามรูปทั่ว ผู้ที่เจริญสตินั้นจะต้องรู้ว่า ขณะใดหลงลืมสติ ขณะใดมีสติ ไม่ใช่ไปทำให้จิตสงบเป็นสมาธิ เพราะถ้าเป็นโดยลักษณะนั้น จะรู้ลักษณะของสมาธิ แต่ไม่ใช่รู้ลักษณะที่ขณะใดมีสติ เป็นการเจริญสติตามปกติที่รู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏ
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 106