[เล่มที่ 20] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 152
ฝ่ายเหล่าดาบสก็คิดว่า พวกเราจักบริโภคอาหารในเรือนหลวง วัน
พรุ่งนี้ก็สอนซึ่งกันและกันว่า ขึ้นชื่อว่าเรือนหลวง น่าสงสัย น่ามีภัย ธรรมดา
บรรพชิตพึงสำรวมในทวารทั้ง ๖ ไม่ควรถือนิมิตในอารมณ์ที่เห็นแล้วๆ พึงตั้ง
เฉพาะความสำรวมในจักษุทวาร วันรุ่งขึ้น เหล่าดาบสก็กำหนดรู้เวลาทำอาหาร
จึงนุ่งผ้าเปลือกไม้ ห่มหนังเสือเหลืองเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง มุ่นชฎา ถือภาชนะใส่
อาหาร ขึ้นสู่พระราชนิเวศน์ตามลำดับ พระราชาทรงทราบว่า ดาบสขึ้นมาแล้ว
ก็ให้นำเอาใบกล้วยออกจากปากไหคูถ กลิ่นเหม็นก็กระทบโพรงจมูกของดาบส
ถึงอาการประหนึ่งเยื่อสมองตกล่วงไป. ดาบสผู้ใหญ่ก็จ้องมองพระราชา พระ-ราชาตรัสว่า มาซิ ท่านผู้เจริญ จงฉัน จงนำไปตามความต้องการ นั่นเป็น
ของเหมาะแก่พวกท่าน เมื่อวานเรามาหมายจะยกย่องพวกท่าน แต่พวกท่าน
กลับพูดกระทบเสียดแทงเราผู้เดียว ท่ามกลางบริษัท พวกท่านจงฉันของที่
เหมาะแก่พวกท่าน แล้วสั่งให้เอากระบวย ตักคูถไปถวายดาบสผู้ใหญ่ ดาบสก็
ได้แต่พูดว่า ชิชิ แล้วก็กลับไป. พระราชาตรัสว่า พวกท่านต้องไปทางนี้ทาง
เดียว แล้วให้สัญญาณแก่คนทั้งหลาย ให้เอาหม้อ สาดหนามงิ้วที่บันได.
พวกนักมวยก็เอาค้อนตีศีรษะ จับคอเหวี่ยงไปทำบันใด ดาบสแม้รูปเดียว ก็
ไม่อาจยืนได้ที่บันได. ดาบสทั้งหลายก็กลิ้งลงมาถึงเชิงบันได เมื่อถึงเชิงบันได
แล้ว ฝูงสุนัขดุคิดว่าแผ่นผ้าๆ ก็รุมกันกัดกิน บรรดาดาบสเหล่านั้น แม้
รูปใดลุกขึ้นหนีไปได้ รูปนั้นก็ต้องตกลงไปในหลุม ฝูงสุนัขก็ตามไปกัดกิน
ดาบสนั้นในหลุมนั้นนั่นแหละ ดังนั้น ร่างกระดูกของดาบสเหล่านั้น จึงไม่
หลงเหลืออยู่เลย. พระราชา ทรงปลงชีวิตดาบส ๕๐๐ รูป ผู้สมบูรณ์ด้วย
ตบะลงด้วยเวลาวันเดียวเท่านั้น ด้วยประการฉะนี้. ครั้งนั้น เหล่าเทวดา
บันดาลฝน ๙ ชนิด ให้ตกลงมาอีกในแว่นแคว้นของพระราชาพระองค์นั้นโดย
นัยก่อนนั้นแล แคว้นของพระราชาพระองค์นั้น ถูกกลบด้วยกองทรายสูงถึง
๖๐ โยชน์