ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตตชรูป
รูปที่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐาน มี ๖ กลาป คือ
๑. สุทธัฏฐกกลาป เป็นกลาปที่มีแต่อวินิพโภครูป ๘ รูปเท่านั้น ไม่มีรูปอื่นๆ เกิดร่วมด้วยเลย
เมื่อปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว ภวังคจิตเกิดสืบต่อ จิตตชรูปที่เป็นสุทธัฏฐกกลาปเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของปฐมภวังคจิต และทุกอุปาทขณะของจิต เว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ ดวง ซึ่งไม่มีกำลังพอที่จะเป็นสมุฏฐานให้เกิดรูปได้
จิตที่ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูปมี ๑๖ ดวง คือ อรูปฌานวิบากจิต ๔ ดวง ปฏิสนธิจิต ๑ ดวง ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ ดวง จุติจิตของพระอรหันต์ ๑ ดวง รวม ๑๖ ดวง
อรูปฌานวิบากจิต ๔ ดวง ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดรูปเลย เพราะเป็นผลของอรูปฌานกุศล ซึ่งเห็นโทษของรูปว่าเป็นธรรมที่เกื้อกูลแก่กิเลส จึงเจริญอรูปฌานกุศลซึ่งไม่มีรูปใดๆ เป็นอารมณ์เลย เมื่ออรูปฌานวิบากทำกิจปฏิสนธิในอรูปพรหมภูมิ จึงไม่เป็นปัจจัยให้รูปใดๆ เกิดเลยทั้งสิ้น
ปฏิสนธิจิตไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูป เพราะเป็นจิตขณะแรกในภพภูมิหนึ่ง จึงยังไม่มีกำลังพอที่จะเป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูปได้
จุติจิตของพระอรหันต์ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดรูป เพราะเป็นจิตดวงสุดท้ายของสังสารวัฏฏ์ฏ์ซึ่งสิ้นสภาพความเป็นปัจจัยที่ทำให้รูปเกิดได้
๒. กายวิญญัตินวกกลาป กลุ่มของกายวิญญัติรูปซึ่งมีรูปรวมกัน ๙ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + กายวิญญัติรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้รูปแสดงความหมาย
๓. วจีวิญญัติสัทททสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๐ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วจีวิญญัติรูป ๑ + สัททรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่เป็นสมุฏฐานของเสียง คือ วาจา
๔. ลหุตาทิเอกาทสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๑ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้รูปเป็นไปในอิริยาบถต่างๆ
๕. กายวิญญัติลหุตาทิทวาทสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๒ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ + กายวิญญัติรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้รูปเป็นไปในอิริยาบถต่างๆ ที่แสดงความหมาย
๖. วจีวิญญัติสัททลหุตาทิเตรสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๓ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ + วจีวิญญัติรูป ๑ + สัททรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้เกิดเสียงพิเศษที่ต้องอาศัยวิการรูปจึงจะเกิดเสียงนั้นๆ ที่ฐานของเสียงได้
จิตตชกลาป ทุกกลาปต้องเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่เป็นสมุฏฐานให้จิตตชกลาปนั้นเกิด จิตตชกลาปจะไม่เกิดในฐิติขณะและภังคขณะของจิตเลย
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ปรมัตถธรรมสังเขป
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ความจริงแห่งชีวิต
ขออนุโมทนา ...
รูปเป็นธรรมะที่มีจริง รูปไม่รู้อะไร รูปสวย รูปก็ไม่รู้ว่ารูปสวย รูปมีการเสื่อมสลาย แตกดับ รูปเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เปรียบเหมือนฟองน้ำ พยับแดด เพราะไม่รู้จึงหลงยึดมั่นถือมั่นค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
เรียนคุณปริศนาที่เคารพ
ขออภัยที่อ่านช้ามาก แต่ก็อยากเรียนให้ทราบ
๕. กายวิญญัติลหุตาทิทวาทสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๒ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ จำนวนรูปมี ๑๑ รูป แต่กล่าวไว้ว่า ๑๒ รูป ขาดรูปอะไรหรือว่าตัวเลขเกิน
๖. วจีวิญญัติสัททลหุตาทิเตรสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๓ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ + กายวิญญัติรูป ๑ + สัททรูป ๑ + กายวิญญัติรูป ๑ ใช่หรือไม่
กรุณาให้ความเห็น จะเป็นพระคุณยิ่ง
เรียน คุณอนงค์ ๕๕ ค่ะ
เรื่องตัวเลขถูกต้อง แต่เขียนข้อความตกไปค่ะ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมบางส่วน คัดลอกมาจาก หนังสือปรมัตถธรรมสังเขปฯ ฉบับที่ปรับปรุงใหม่ พ.ศ ๒๕๔๕ และได้แก้ไขให้ถูกต้องตามต้นฉบับแล้ว ตามข้อความที่คัดลอกมาด้านล่าง นะคะ ต้องขออภัย และขอขอบพระคุณ ที่กรุณาทักท้วงในส่วนที่ผิดพลาดเสมอมา
ขออนุโมทนาค่ะ
อรูปฌานวิบากจิต ๔ ดวง ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดรูปเลย เพราะเป็นผลของอรูปฌานกุศล ซึ่งเห็นโทษของรูปว่าเป็นธรรมที่เกื้อกูลแก่กิเลส จึงเจริญอรูปฌานกุศลซึ่งไม่มีรูปใดๆ เป็นอารมณ์เลย เมื่ออรูปฌานวิบากทำกิจปฏิสนธิในอรูปพรหมภูมิ จึงไม่เป็นปัจจัยให้รูปใดๆ เกิดเลยทั้งสิ้น
ปฏิสนธิจิตไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูป เพราะเป็นจิตขณะแรกในภพภูมิหนึ่ง จึงยังไม่มีกำลังพอที่จะเป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูปได้
จุติจิตของพระอรหันต์ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดรูป เพราะเป็นจิตดวงสุดท้ายของสังสารวัฏฏ์ซึ่งสิ้นสภาพความเป็นปัจจัยที่ทำให้รูปเกิดได้
กายวิญญัติลหุตาทิทวาทสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๒ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ + กายวิญญัติรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้รูปเป็นไปในอิริยาบถต่างๆ ที่แสดงความหมาย
วจีวิญญัติสัททลหุตาทิเตรสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๓ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ + วจีวิญญัติรูป ๑ + สัททรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้เกิดเสียงพิเศษที่ต้องอาศัยวิการรูปจึงจะเกิดเสียงนั้นๆ ที่ฐานของเสียงได้
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ