บานาฮิลส์ (Ba Na Hills)
หลังจากจบการสนทนาธรรมอย่างเข้มข้น 10 วัน ทั้งเช้าบ่าย ที่ฮอยอัน 5 วัน เว้อีก 5 วัน ผู้ร่วมสนทนาธรรมชาวเวียดนาม ที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ ทั้งจากฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ ฮอยอัน ก็แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา มีกลุ่มหนึ่งขึ้นรถบัสมาพร้อมกับคณะของเรา เพื่อไป ดานัง แต่คณะของเราลงกลางทางที่บานาฮิลส์เพื่อพักผ่อน (หมายถึงไม่มีกำหนดการ สนทนาธรรมแน่นอน แต่ ท่านอาจารย์ก็ยังสนทนาธรรมตลอดเวลา เพราะมีสหายธรรม เวียดนามตามมาพักผ่อนด้วยหลายคน)
บานาฮิลส์เป็นสถานที่พักผ่อนขึ้นชื่อที่สุดของเวียดนามกลาง อยู่ห่างจากดานังประมาณ 40 กม. เป็นสวนสนุกบนยอดเขาสูง ที่ต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้า (Cable car) ที่ยาวที่สุดในโลก ข้ามภูเขาหลายลูก ข้างล่างเป็นป่าทึบจนไม่เห็นพื้นดิน นอกจากบางตอนที่เป็นโขดหินและ น้ำตก ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าเข้ามา
ในกระเช้า ยิ่งขึ้นสูง อากาศก็เย็นลง จนสามารถสัมผัสได้ ที่บานาฮิลล์มีวัด 2 แห่ง มี พระพุทธรูปขาวองค์ใหญ่มาก เจดีย์ 7 ชั้นแบบเวียดนาม สวนสนุก โรงแรมหลายแห่ง ร้าน อาหาร สวนดอกไม้ และกำลังก่อสร้างปราสาทอีกหลายหลัง
เราได้พักที่โรงแรมโมริน สร้างสไตล์ฝรั่งเศส ทราบว่าฝรั่งเศสในครั้งที่ยึดครองเวียดนาม ได้ทำถนนขึ้นมาบนยอดเขา และสร้างบ้านพักอาศัย แต่โครงนี้สร้างมาแล้วประมาณ 6 ปี และกำลังก่อสร้างเพิ่มเติมอีกมากมาย ทั้งถนน ปราสาท อีก 6 ปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ แต่แม้ จะยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามเองและต่างชาติ ขึ้นมาทาน อาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์แน่นขนัด ค่ากระเช้าไฟฟ้าคนละประมาณ $25 และอาหาร กลางวันประมาณ 300 บาท แล้วก็สามารถชมการแสดงต่างๆ เช่น หุ่นกระบอกน้ำ สวน ดอกไม้ ไหว้และเจดีย์และหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่ ได้ทั้งวันจนหมดเวลาขึ้นลงของกระเช้า ไฟฟ้า
ถ้าอยากพักค้างคืน ก็มีโรงแรมหลายแห่งให้เลือก แต่สำหรับพวกเราพักค้างบนบานาฮิลส์ 2 คืน ที่โรงแรมโมริน รวมอาหารเช้า อาหารกลางวัน และกระเช้าไฟฟ้า คนละ $115 แถมได้ รับผลของกุศล Mr. Nam ผู้อยู่ในทีมดำเนินการเชิญท่านอาจารย์มาสนทนาธรรมครั้งนี้ มี ความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของ Ba Na Hills ได้ลดค่าห้องพัก เราเสียแต่ค่าอาหาร และนำเงิน มาคืนพวกเราอีก ขอบพระคุณในกุศลจิตของ Mr. Nam และเจ้าของ Ba Na Hills ที่มีกิจการ โรงแรมทั่วเวียดนาม รวมทั้ง Danang Intercontinental ที่คุณนาม ตั้งใจเชิญท่านอาจารย์ และผู้ติดตามรวม 4 คน ไปพักผ่อนต่ออีก 2 วัน แต่พวกเราทุกคน 13 คน (รวมทั้ง Sarah และ Jonathan ขอติดตามไปด้วย) คุณนามจึงเปลี่ยนให้พักฟรีที่ Premium Villages Danang แทน เพราะเกรงว่า พวกเราไม่สามารถจ่ายค่าโรงแรมระดับ 5 ดาว ประมาณคืนละ $350 เพิ่มได้
ระหว่างที่พักบนยอดเขา ได้ชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามด้วยสายตาของนกได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเราได้ห้องสวีทบนชั้น 3 ที่เมื่อยืนตรงระเบียงก็ได้เห็นวิวทิวเขา ทะเลของดานัง ได้ทั่วทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก สำหรับคนที่ไม่ได้ห้องสวีท ก็มีอาคารสูงติด หน้าผาที่สร้างเพื่อเป็นจุดชมวิว เห็นท่านนภดลปีนขึ้นลงไปยืนชมวันละหลายครั้ง ตอนแรกไม่เข้าใจว่า ขึ้นไปทำไมทุกวัน แต่คุณนภาฉลาดกว่า เพราะที่จริงคุณท้ายได้จัด ให้ท่านอาจารย์และพี่จี๊ดอยู่ห้องสวีทเช่นกัน แต่เนื่องจากไม่มีลิฟท์ ท่านจึงขออยู่ชั้น 1 แลกกับท่านนภดล คุณนภาและคุณยุพินต้องดูแลท่านอาจารย์จึงขอแลกกับท่านนภดล 2 สาวจึงได้อยู่ห้องสวีท คุณนภาไม่กล้ามายืนตรงระเบียง เวลาที่ท่านนภดลมายืนชมวิว เพราะกลัวว่าจะขอห้องคืน (อันนี้คุณนภาพูดเอง ฟังแล้วขำ เลยมาเล่าต่อ)
วันรุ่งขึ้นได้ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปเขาอีกลูกหนึ่ง เพื่อไปชมสวนดอกไม้ ซึ่งเมื่อลงจาก กระเช้าแล้วต้องซื้อตั๋วคนละ 70,000 ด่อง (105 บาท) เพื่อขึ้นรถรางไปชมสวนดอกไม้ ที่ จัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ที่กำลังปลูกก็มีอีกมาก เห็นกล่องเขียนไว้ว่า เป็นดอกไม้จาก ดาลัต ที่เราไปเยี่ยมชมเมื่อปีที่แล้ว ปลูกที่ดาลัด แล้วนำมาจัดแสดงที่บานาฮิลส์ เจ้าของ อาจจะเป็นคนเดียวกันอีกก็ได้
จากสวนดอกไม้ มีบันไดลงภูเขาไปวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่ที่มองเห็น ไกลๆ จากกระเช้าไฟฟ้าตอนขึ้นมา สามารถเดินมาเองจากโรงแรมโดยไม่ต้องใช้กระเช้า ไฟฟ้าและรถรางก็ได้ แต่ก็เหมาะกับคนวัยแข็งแรงที่หัวเข่ายังไม่มีปัญหา แม้กระนั้นผู้ไป ด้วยกัน ยังหยุดรออยู่ที่หลวงพ่อขาว ไม่ยอมลงไปชมวัดที่มีระเบียงยื่นออกไปเห็นบานา ฮิลส์ได้อย่างสวยงาม
เดินเที่ยวชมตรงนั้นตรงนี้ของบานาฮิลส์จนเกือบทั่ว แม้จะปวดเข่า ปวดขา แต่ก็ยัง ไม่ยอมหยุดพาตาไปทำกิจเห็นสิ่งสวยๆ งามๆ ไม่รู้ว่าเห็นเป็นเพียงเห็น เป็นสภาพธรรมะ อย่างหนึ่งซึ่งเป็นผลของกรรม เกิดแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย เห็นดับไปแล้วก็จริง แต่ความติดข้องตามติดตลอดเวลา อยากจะเห็นอย่างนั้นอีก หรือสวยกว่านั้นอีก คิดว่า ถ้าบานาฮิลส์สร้างเสร็จสมบูรณ์จะสวยงามขนาดไหน อยากมาเห็นอีก เห็นความเป็นทาส ของตัณหาหรือไม่ ตอนเช้าต้องตื่นแต่ตี 4 เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น จะได้ถ่ายภาพสวยๆ เก็บไว้เห็นอีก เพราะเมื่อคืนก่อน ตื่นตี 5 พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว แม้จะง่วง จะเมื่อย จะเหนื่อย กลับมานอนพัก ทาน้ำมันเขียว น้ำมันยูคาที่สหายธรรมเวียดนามแจก แล้วก็ ออกเดินไปเที่ยวชมความสวยงามอีก
ตอนค่ำก็พากันไปนั่งกลางลานกว้าง เพื่อดูดดื่มบรรยากาศหนาวเย็น ท้องฟ้ามืดสนิท เห็นแสงดาวระยิบระยับชัดเจน ได้ฟังน้องนภาและคุณจอย ร้องเพลงขับกล่อม จนนักท่อง เที่ยวหลายคนมาร่วมฟังด้วย เห็นหรือยังว่า ไม่ใช่เพียงทางตาเท่านั้นที่ติดข้อง ทางหู ต้องฟังเสียงเพราะๆ ทางกาย กระทบสัมผัสอากาศหนาวกำลังสบาย ทางลิ้นก็ต้องอาหาร อร่อยๆ ทุกทางต้องกระทบสัมผัสสิ่งดีๆ ไม่ว่าจะยากลำบากในการแสวงหาสักเท่าไรก็ตาม แต่อย่างไรก็ยังยอมเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์รับใช้ตัณหาต่อไป จนกว่าจะรู้จริงๆ ว่า ไม่มีใครเป็น ทาสอะไร เพราะล้วนแต่เป็นสภาพธรรมะที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไป ไม่กลับมาอีก จะหาความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสิ่งที่เกิดแล้วดับไป จากที่ไหน
ระหว่างพักที่บานาฮิลส์ มีบางกลุ่มสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ ทั้งเช้าและบ่าย รวมทั้ง เวลาพักผ่อนเดินเล่นเช่นเดิม ท่านอาจารย์อุทิศตนเพื่อให้คนที่สนใจได้เข้าใจพระธรรมจริงๆ ไม่เลือกเวลา สถานที่ บนโต๊ะอาหาร บนรถบัส เมื่อไรก็ตามที่มีคนถาม ท่านก็จะอนุเคราะห์ เกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจทุกครั้ง กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านที่ทำให้โลกสว่าง ด้วยความเข้าใจอีกครั้งค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนา
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง ที่ท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาช่วยชี้แนะหนทางสว่างให้ แม้ความเข้าใจยังน้อยนิดด้วย ความหนาของอกุศลที่มีอยู่มากมาย แต่การได้เข้าใจถูกว่า หนทางเดียวที่จะทำให้รู้จักโลก นี้ได้ คือการฟังพระธรรมเท่านั้น เท่านี้ชีวิตก็เป็นบุญอย่างยิ่งแล้วคะ ที่ได้พบกับท่าน อาจารย์
ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่และทุกๆ ท่านคะ
" ... จนกว่าจะรู้จริงๆ ว่า ไม่มีใครเป็นทาสอะไร เพราะล้วนแต่เป็นสภาพธรรมะที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไป ไม่กลับมาอีก จะหาความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสิ่งที่เกิดแล้วดับไป จากที่ไหน ... "
...
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง เป็นอย่างยิ่งครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ
อาจารย์สงบ อาจารย์หญิงกาญจนา
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ