พระธรรม ลึกซึ้ง ละเอียด ตรง และจริง แต่ยาก ไม่ใช่หมายความว่า เราจะมาแปลเอง พออ่านพระสูตรนี้ (บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว) จะคิดว่าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น แต่ต้องรู้จุดประสงค์ว่า ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึง สิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะว่าเป็นสิ่งที่จะรู้ได้ ที่ไม่ปรากฏรู้ได้หรือ อดีตหมดแล้วไม่กลับมาอีกเลย อนาคตก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะการที่จะรู้อดีต อนาคต ปัจจุบัน ต้องในขณะที่สิ่งนั้นกำลังปรากฏ เราก็รู้ว่า ถ้าไม่เกิด ก็ไม่มี แต่ปัญญาระดับฟัง ยังไม่สามารถที่จะถึง ขณะที่จะรู้ความเกิด เพราะเหตุว่าเกิดดับสืบต่อ เมื่อมีปัญญาถึงระดับขั้น ต้องเห็นการสืบต่อ ซึ่งเป็นการเกิด และสิ่งที่เกิดนั้นก็ต้องดับ ก็ตรงกับว่า สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้เป็นอดีต เมื่อดับไป และสิ่งที่เป็นอนาคตก่อนสิ่งนี้จะเกิด ก็มาเป็นปัจจุบัน .....กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..
.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ละความไม่รู้ ไม่รู้จึงติดข้องในสิ่งที่มีจริงเพียงชั่วคราวแล้วหมดไป ... ไม่กังวลถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว และไม่คำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด พระธรรมทั้งหมดกล่าวถึงเฉพาะสิ่งที่กำลังมี
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ถ้าไม่รู้ ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมใดเป็นรูปธรรม สภาพธรรมใดเป็นนามธรรม ก็ย่อมไม่สามารถที่จะละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนได้ (ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ 167) .... ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ ย่อมไม่สามารถละกิเลสใดๆ ได้เลย อริยสัจจ์แรก คือทุกขอริยสัจจ์ สิ่งที่กำลังเกิดดับอยู่ขณะนี้ เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตครับ....
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ