เลิกกันได้หรือยังให้เงินพระ
โดย sutta  24 พ.ค. 2561
หัวข้อหมายเลข 29762

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทรัพย์ของพระภิกษุรวมกัน มีมากมายมหาศาล มีสมุดบัญชีเงินฝาก นี่คือ การบวช หรือ การสละหรือ? วงการสงฆ์วุ่นวาย เสื่อม เพราะเริ่มมาจากพระภิกษุรับเงินทอง คฤหัสถ์ให้เงินพระ แทนที่จะให้ของที่เหมาะสม ไม่เป็นโทษกับท่าน

การที่มีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารก็แสดงว่ามีการรับเงิน ถึงจะนำไปฝากธนาคารได้ สำหรับพระภิกษุ การรับเงินเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ สำหรับสามเณรผิดศีลข้อที่ ๑๐

ชาวพุทธ ตื่นได้หรือยัง ที่จะเลิกให้เงินพระภิกษุ ไม่เช่นนั้น พระอลัชชี (ไม่ละอายบาป) ทั้งหลาย ก็จะยังเรี่ยไร ด้วยการหลอกชาวบ้านด้วยคำว่าได้บุญ โดยให้ทำ ผ้าป่าสามัคคดี กฐิน สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ โบสถ์สวยงาม เกณฑ์คนมาบวชหวังเงินจากการบวชโดยให้คนเป็นเจ้าภาพในการบวชแต่ละรูป หาเงินเข้าวัดกัน และ ก็มีเงินฝากธนาคาร คฤหัสถ์ให้เงินพระ ไม่ได้บุญ พระรับเงิน เป็นบาปกับตัวงเอง ก็ช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา

วิกฤตแค่ไหนแล้ว จากข่าวที่พระมีสมุดบัญชีธนาคาร มีเงินฝากเป็นร้อยๆ ล้าน และ พระภิกษุรูปอื่นๆ อีก มีสมุดบัญชี ผิดตั้งแต่มีเงิน มีเงินต้องอาบัติ ไม่ใช่ไม่ผิดเพราะไม่ยักยอก แต่ เพราะมีวัตถุ คือเงิน อันเป็นของที่ภิกษุไม่ควรมี พระพุทธเจ้าทรงติเตียน และย่อมเป็นที่มาของการทุจริตนั่นเอง หยุดเถิดชาวพุทธ หยุดทำลายพระภิกษุและพระพุทธศาสนาด้วยการให้เงินพระ

ความเสื่อมไปของพระพุทธศาสนา ไม่ได้เกิดจากศาสนาอื่น แต่เกิดจากพุทธบริษัท 4 ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย มีพระรับเงินทอง เป็นต้น และ ส่งเสริมสิ่งที่ผิด ปกป้องสิ่งที่ผิด ปกป้องพระรับเงินทอง ผู้ที่ช่วยกันรักษาพระธรรมวินัย รักษาพระพุทธศาสนา คือ ผู้ที่มีจิตหวังดี กล่าวตามธรรม ความจริงให้พุทธบริษัทปฏิบัติถูกว่าพระไม่ควรรับและยินดีในเงินและทอง

พระพุทธเจ้า และ อุบากสก อุบาสิกาผู้เห็นถูก ในสมัยพุทธกาล ติเตียน ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ไม่ทรงนิ่งเฉย หรือ ปกป้อง เพราะ พระองค์มุ่งอนุเคราะห์ให้ภิกษุนั้นประพฤติปฏิบัติถูก

พระภิกษุ บวช เพื่อสละ ละทุกสิ่ง มุ่งตรงต่อการดับทุกข์ พระพุทธเจ้า พระสาวกผู้มีคุณธรรม ออกบวช เพื่อสละกองเงินกองทอง สละความประพฤติดั่งคฤหัสถ์ ท่านทำกิจของพระภิกษุ คือ ศึกษาพระธรรม เผยแพร่พระธรรม อบรมปัญญาโดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเงินทองประการใดๆ โดยเป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์เป็นผู้จัดการ ในการสร้างวัด ซ่อมแซมวัด และ วัดที่ดี ก็ให้คฤหัสถ์ที่ดี บริหาร ดูแล ค่าใช้จ่ายของวัด โดยพระภิกษุที่ดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทองก็มีมาแล้ว

ปัจจุบัน วงการสงฆ์วุ่นวายอย่างมาก เพราะ คฤหัสถ์และบรรพชิต ไม่ศึกษาพระธรรม ไม่ศึกษาพระวินัย มุ่งแต่โลภบุญ อยากได้บุญ ถูกพระภิกษุอลัชชี (ไม่ละอาย) กล่าวอธรรม (คำไม่ถูก) ว่าให้ถวายเงินทองได้ ได้บุญ คฤหัสถ์ถูกหลอกด้วยคำว่าบุญ อยากได้บุญ ถวายเงินพระ พระต้องอาบัติ แต่เพราะไม่ละอาย สะสมทรัพย์ อ้างยุคสมัย แต่ ไม่อ้างพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วว่า ภิกษุไม่พึงรับและยินดีในเงินและทอง รูปใดรับและยินดี ต้องอาบัติ

พระภิกษุไม่รู้ว่าตนเองบวชเข้ามาทำไม บวชคืออะไร ก็ประพฤติตนดั่งคฤหัสถ์ เมื่อรับเงินทองแล้ว ก็ไปเปิดบัญชีธนาคาร ไปที่ธนาคาร พระภิกษุผู้สละ ไปธนาคาร สมควรหรือไม่ เปิดบัญชีธนาคาร รับเงินฝากนั้น ภิกษุรับเงินทอง ต้องอาบัติแล้ว ไม่ต้องรอกฎหมายมาตัดสินเลยว่ายักยอกทรัพย์หรือไม่ยักยอก ผิดตั้งแต่รับเงินทอง มีบัญชีธนาคาร ไม่แตกต่างจากคฤหัสถ์ บวชทำไม หากยักยอก มูลค่าเกิน 5 มาสก คือ เจ็ดร้อยกว่าบาทที่เป็นมูลค่าสมัยนี้ ก็ต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุผู้บวชเพื่อสละ ขัดเกลากิเลส ท่านย่อมสละชีวิต ไม่ยอมแม้รับเงินทอง เห็นอาบัติเล็กน้อยเป็นโทษใหญ่ดุจเมฆในนภากาศก้อนใหญ่ฉะนั้น

พระอ้างนำเงินมาบริหารเอง ทำกิจการงานต่างๆ ภายในวัด บวชเพื่ออะไร ไม่ใช่มาทำกิจการงานแบบคฤหัสถ์ มานั่งอ่านเอกสาร การก่อสร้างอะไรต่างๆ ไม่ต่างจากคฤหัสถ์ เป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ ไม่ใช่หน้าที่พระภิกษุ ภิกษุมีหน้าที่สองอย่าง คือ คันถธุระ ศึกษาพระธรรมตามพระไตรปิฎก และ วิปัสสนาธุระ อบรมปัญญา จนถึงการดับกิเลส ภิกษุเป็นผู้มีกิจน้อย ไม่ใช่กิจแบบคฤหัสถ์ ถ้าจะทำกิจแบบคฤหัสถ์ก็สึกมา ไม่มีโทษ ไม่ใช่ สะสมมเงินอันเป็นโทษ พระพุทธเจ้าทรงติเตียน

เมื่อมีทรัพย์ มีสมุดบัญชี กิเลสที่ยังไม่ได้ดับ ก็ยินดีในเงินและทอง ถ้าจะกล่าวว่าไม่ยินดี เพียงรับเฉยๆ ผู้นั้นก็ต้องเป็นพระอริยบุคคล หมดกิเลสแล้ว แต่ พระอริยบุคคลผู้เป็นพระภิกษุ ไม่รับเงินและทอง แม้ด้วยเหตุแห่งชีวิต เมื่อมีทรัพย์ ก็โลภ ยินดี และ ก็ทำทุจริตต่างๆ มีการยักยอก มีเงินในบัญีธนาคารมากมาย

หยุดเถิดชาวพุทธ หยุดถวายเงินกับพระภิกษุ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้

พระบัญญัติ

อนึ่ง ภิกษุใดรับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงินอันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์



ความคิดเห็น 1    โดย โพธิ์งามพริ้ง  วันที่ 24 พ.ค. 2561

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย Tathata  วันที่ 25 พ.ค. 2561

อนุโมทนาค่ะ ร่วมด้วยช่วยกันเกื้อกูลพุทธบริษัทที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย


ความคิดเห็น 3    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 25 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย ประสาน  วันที่ 26 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย jaturong  วันที่ 28 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 29 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย papon  วันที่ 30 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย เมตตา  วันที่ 30 พ.ค. 2561

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...


ความคิดเห็น 13    โดย Triratna  วันที่ 1 มิ.ย. 2561

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 14    โดย j.jim  วันที่ 3 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 15    โดย apichet  วันที่ 4 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณครับ อนุโมทนาสาธุ ขออนุญาตแชร์เรื่องราวครับ ผมได้พยายามแล้วครับ

ลูกน้องร่วมกันจัดงานเลี้ยงพระประจำปี ไปประชุมที่กทม.กลับมาเขาเตรียมกันอย่างพร้อมเพรียง อาหารคาวหวาน ผมเคยบอกแล้วว่าผมจะไม่ถวายเงินให้พระภิกษุ แต่ลูกน้องก็ยังเอาซองเงินผูกกับดอกไม้เป็นชุดๆ และเชิญผมเป็นประธานร่วมกันถวาย ผมเห็นซองเงิน รีบแกะออกตั้งไว้ข้างๆ ไม่ถวาย (ทำได้เฉพาะชุดที่ผมถวาย) แต่พระบอกว่า ถวายซองมาด้วยกันเลยโยม ผมก็ไม่ถวาย แต่ไม่ได้ตอบอะไร ในที่สุดพระอาวุโสสุดก็เดินไปสาดน้ำให้คนอื่นๆ ไป แต่พระลำดับถัดไปก็เอาเงินซองที่ผมแกะออกไม่ได้ถวายวางอยู่ไปด้วย คงจะเก็บไปให้พระภิกษุอาวุโสที่เดินไปรดน้ำมนต์

ผมบอกกับลูกน้องแล้วว่า ห้ามถวายเงิน เขาก็อ้างว่า :ที่นี่เขาทำกันแบบนี้

คราวหน้าหากจะจัดอีกให้คนที่ไปรับพระท่านเอาลูกศิษย์ ไวยาวัจกรมาด้วย :ลููกน้องบอกว่า ยากเพราะพระไม่มีศิษย์และ ไม่ได้มาจากวัดๆ เดียว

ผมเห็นว่าเรื่องนี้ยากมาก แต่ผมจะพยายามครับ


ความคิดเห็น 16    โดย Somporn.H  วันที่ 5 มิ.ย. 2561

ที่สวิตเซอร์แลนด์มีวัดไทยวัดหนึ่ง เจ้าอาวาสจะมีหนังสือเตือนผู้ที่นิมนต์พระไปทำบุญที่บ้าน ถ้าเจ้าภาพถวายปัจจัยเป็นจำนวนน้อย จะตักเตือนให้ทราบว่า การทำบุญต้องถวายปัจจัย 2 ซอง คือ สำหรับวัด 1 ซอง และสำหรับพระ อีก1 ซอง ท่านให้เหตุผลว่า ถ้าไม่มีพระก็ไม่มีวัด เราเคยทำบุญบ้านครั้งแรก ใส่ซองไปแค่ 50 สวิสฟรังค์ โดนเตือน ก็เลยรีบไปถวายเพิ่มอีก 2 ซอง นี่ก็ทำอกุศลเพราะความไม่รู้ ตอนนี้ได้ฟังธรรมที่ถูกต้อง การไปวัดเป็นเรื่องไม่จำเป็นแล้วล่ะ เพราะบุญ คือ กุศลจิต ขณะใดที่จิตเป็นไปในทาน ศีลและความสงบจากอกุศล ขณะนั้นเป็นกุศลจิตหรือเป็นบุญ ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบากกายไปแสวงบุญไกลๆ ฟังธรรมะสะสมความเข้าใจวันละเล็กละน้อยอยู่ที่บ้านก็เป็นกุศลแล้วค่ะ


ความคิดเห็น 17    โดย orawan.c  วันที่ 7 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 18    โดย Somporn.H  วันที่ 10 มิ.ย. 2561

ขอขอบคุณ คุณอรวรรณมากค่ะ ที่ได้นำเรื่องที่ดิฉันเขียนมา ไปสนทนากับท่าน อจ.สุจินต์และคณะวิทยากร ที่บ้านธัมมะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 19    โดย orawan.c  วันที่ 10 มิ.ย. 2561

ยินดี และอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 20    โดย arin  วันที่ 12 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

ได้ยินมาว่า เจ้าอาวาสแต่ละวัดได้รับเงินเดือนด้วย จริงแท้ประการใดครับ และการได้รับยศ ตำแหน่ง ชั้นราช ต่างๆ . รวมทั้งพัดยศ ถือรวมในข้อห้ามด้วยหรือไม่ครับ


ความคิดเห็น 21    โดย thilda  วันที่ 12 มิ.ย. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ จะไปเลี้ยงพระที่โรงพยาบาลสงฆ์ปลายปี เขาให้เตรียมซองปัจจัยไปด้วย แต่จะใส่หนังสือ "ธรรมะคืออะไร" กับ "จะบวชหรือจะบาป" ของมูลนิธิฯ ใส่ซองเอกสารเล็กไปแทน ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่หรือตัวพระภิกษุเองจะว่ายังไงหรือเปล่า แต่ไม่ว่ายังไง ก็จะไม่ถวายเงินแน่นอนค่ะ แต่ตอนจัดงานศพที่วัดนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ เขาให้ใส่ซอง แถมกำหนดเงินขั้นต่ำ 200 บาทต่อซองต่อพระภิกษุ 1 รูปด้วย (ต่อวันและต่อพิธีการอะไรอีกหลายอย่าง) และเราใช้บริการของเขาแล้ว นอกจากว่าจะไปจัดที่อื่นที่ไม่มีพิธีการของพระ ซึ่งเป็นเรื่องยากถ้าญาติคนอื่นๆ ไม่เข้าใจ มีท่านใดจะให้คำแนะนำไหมคะ เผื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ


ความคิดเห็น 22    โดย Somporn.H  วันที่ 14 มิ.ย. 2561

ขอขอบพระคุณ คุณอรวรรณเป็นอย่างสูงอีกครั้งและขออนุโมทนาค่ะ

ดิฉันรู้สึกโสมนัสมากค่ะ ที่ได้เห็นคุณนำเรื่องที่ดิฉันเขียนในเว็ปไซต์ มาอ่านอีกครั้งในการสนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม วันที่10 มิ.ย. ในวันนั้นได้มีการสนทนาที่สาระน่าสนใจหลายเรื่อง ดิฉันติดตามฟังทุกวันค่ะ

ดิฉันคิดว่าคงอีกนานที่จะมีโอกาสได้มากราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยตนเอง จึงอยากจะขอฝากผ่านคุณอรวรรณด้วยค่ะ...

ดิฉันขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และกราบสวัสดีท่านวิทยากรบ้านธัมมะทุกท่าน สวัสดีเพื่อนสหายธรรมทุกท่านค่ะ

เป็นลูกศิษย์บ้านธัมมะโดยฟังธรรมและอ่านหนังสือจากบ้านธัมมะอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา14 ปีแล้วค่ะ เพิ่งจะมีเหตุปัจจัยพร้อมที่จะสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมย์บ้านธัมมะ มศพ. เมื่อ วันที่4 มิ.ย. 2561 เพราะคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับพระธรรมทูตที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสไว้ กิจของตนไม่ทำ แต่กลับทำกิจของคฤหัสถ์ คฤหัสถ์ไม่ได้รับการศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง พระธรรมก็จะต้องอันตรธารจากเขาเหล่านั้นไปอย่างน่าเสียดาย ที่เสียโอกาสอันประเสริฐแก่ชีวิต

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์และคณะวิทยากรเป็นอย่างสูงและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 24    โดย Pattanan  วันที่ 16 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 25    โดย 2491surin  วันที่ 16 มิ.ย. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนา ครับ.


ความคิดเห็น 26    โดย 2491surin  วันที่ 16 มิ.ย. 2561

14 มิ.ย.61 กระผมได้รับสติ้กเกอร์ "พระภิกษุในธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง"ที่ทางมูลนิธิฯ ได้จัดส่งไปให้เรียบร้อยแล้วครับ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์สุจินต์ คณะวิทยากร และเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯทุกท่าน ครับ.


ความคิดเห็น 29    โดย thongkhun1937  วันที่ 19 มิ.ย. 2561

พระภิกษุ สามเณร ฆราวาส ส่วนมากไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก ไม่รู้จัก จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ศีล 227 กันเลย ยินดืที่ บ้านธัมมะ ช่วยเปิดธรรมะให้ประชาชนได้รู้


ความคิดเห็น 30    โดย chatchai.k  วันที่ 25 ก.ค. 2563

พระพุทธเจ้า และ อุบากสก อุบาสิกาผู้เห็นถูก ในสมัยพุทธกาล ติเตียน ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ไม่ทรงนิ่งเฉย หรือ ปกป้อง เพราะ พระองค์มุ่งอนุเคราะห์ให้ภิกษุนั้นประพฤติปฏิบัติถูก

พระภิกษุ บวช เพื่อสละ ละทุกสิ่ง มุ่งตรงต่อการดับทุกข์ พระพุทธเจ้า พระสาวกผู้มีคุณธรรม ออกบวช เพื่อสละกองเงินกองทอง สละความประพฤติดั่งคฤหัสถ์ ท่านทำกิจของพระภิกษุ คือ ศึกษาพระธรรม เผยแพร่พระธรรม อบรมปัญญาโดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเงินทองประการใดๆ โดย เป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์เป็นผู้จัดการ ในการสร้างวัด ซ่อมแซมวัด และ วัดที่ดี ก็ให้คฤหัสถ์ที่ดี บริหาร ดูแล ค่าใช้จ่ายของวัด โดยพระภิกษุที่ดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทองก็มีมาแล้ว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้

พระบัญญัติ
อนึ่ง ภิกษุใดรับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงินอันเขาเก็บไว้ให้ เป็น นิสสัคคิยปาจิตตีย์