ถ้าได้ยินคำว่า ธรรม ก็จะได้ยินอีกคำหนึ่งคือ อนัตตา ธรรมทั้งหลาย ธรรมทั้งหมด เป็นอนัตตา อัตตาคือตัวตน เป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง แต่ อนัตตา หมายความถึง สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล แล้วก็ไม่เที่ยงด้วย
ความเข้าใจของเรา ที่ได้ฟังแล้ว ลืมไม่ได้ ทิ้งไปไม่ได้ ต้องประกอบกันหมดว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริง เมื่อไร เมื่อปรากฏ ปรากฎเมื่อไร เมื่อเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดขึ้นจะปรากฏได้อย่างไร แล้วปรากฏแล้วก็ดับไปแล้ว และก็ไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะฟังธรรมมากต่อไปอีกนานเท่าไร เรื่องอะไรก็ตามแต่ เพื่อให้รู้ความจริงที่มั่นคง ว่าไม่มีอะไรที่ยั่งยืน ไม่มีอะไรที่เที่ยง ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา แม้ว่าสิ่งนี้มีจริง แต่ความเข้าใจในการที่สภาพนั้นเกิด และดับ ยังไม่มีเลย
เมื่อสภาพที่แท้จริงเป็นอย่างนี้ สามารถที่จะรู้ความจริงนั้นได้ ก็ต่อเมื่อฟัง แล้วละความไม่รู้ ละความติดข้อง ด้วยการเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น แล้วธรรมก็จะปรากฎได้ ตามความเป็นจริง ไม่มีอะไรจะไปกั้นความจริงได้ นอกจากความไม่รู้ กับความติดข้อง เพราะฉะนั้นแต่ละคำที่ฟังแล้ว ไม่ลืม แล้วก็ฟังต่อไปก็ไม่ลืม ว่าถ้ากล่าวถึงสิ่งที่มี เพราะเกิด จึงปรากฎ แล้วก็หมดไป นี่คือธรรม สิ่งที่มีจริงๆ ไม่เรียกชื่อได้ไหม ลักษณะนั้นเป็นอย่างนั้น ใครจะเรียกอะไร ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ไม่สำคัญเลย ถ้าคำนั้นสามารถที่จะทำให้เข้าใจลักษณะจริงๆ ของสิ่งนั้น
วันนี้ ที่ได้ฟังเพียงเท่านี้ ก็จะมีความเข้าใจว่า ขณะนี้เป็นธรรม ลืม ใช่หรือไม่ ก็ฟังอีกว่าสิ่งที่มีจริงขณะนี้ คือเห็นจริง เป็นธรรม ค่อยๆ ฟังไป ได้ยินก็จริง ก็เป็นธรรม คิดนึกก็จริง ก็เป็นธรรม เพราะฉะนั้นถ้าใครถาม เราตอบได้ แม้แต่เบื้องต้นว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริงทุกขณะในชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงด้วย มีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับไป สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้น เกิดโดยไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
ถ้าได้ยินคำว่า ธรรม ก็จะได้ยินอีกคำหนึ่งคือ อนัตตา ธรรมทั้งหลาย ธรรมทั้งหมด เป็นอนัตตา อัตตาคือตัวตน เป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง แต่ อนัตตา หมายความถึง สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล แล้วก็ไม่เที่ยงด้วย
รับฟัง และ อ่านเพิ่มเติม
สนทนาธรรมที่อุทยานแห่งชาติเขาเขียว