พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้าที่ 314
....บทว่า วิสตฺติกํ คือ ตัณหา. ก็ตัณหานั้น ท่านเรียกว่า วิสัตติกา
เพราะอรรถว่า แผ่ซ่านไป,
เพราะอรรถว่า กว้างขวาง,
เพราะอรรถว่าหลั่งไหลไปทั่ว
เพราะอรรถว่า ไม่อาจหาญ,
เพราะอรรถว่า นำไปสู่สิ่งมีพิษ
. เพราะอรรถว่า หลอกลวง.
เพราะอรรถว่า มีรากเป็นพิษ,
เพราะอรรถว่า มีผลเป็นพิษ,
เพราะอรรถว่า บริโภคเป็นพิษ,
ก็อีกอย่างหนึ่ง ตัณหานั้น ที่กว้างขวางใหญ่โต ท่านเรียกว่าวิสัตติกา
เพราะอรรถว่า แพร่กระจายไป ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมะ
ตระกูล และหมู่คณะ.
เมื่อไม่ได้ฟังพระธรรม เราเป็นผู้มืดบอด เต็มไปด้วยอวิชชา รุงรังด้วยตัณหา ไม่เห็นโทษของความติด ไม่มีหิริโอตตัปปะในอกุศลทั้งหลาย แต่อาศัยบุญที่สั่งสมมา จึงมีโอกาสฟังพระธรรม เข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง จนเห็นถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิ-คุณ และพระมหากรุณาคุณอันล้นพ้นของพระพุทธองค์ที่ทรงแสดงพระธรรม เพื่อเปิดเผยสัจจะ ให้ผู้ฟังได้เกิดปัญญา เห็นถูกในความจริงของสิ่งที่มีในชีวิตประจำวัน ทรงแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา โดยเฉพาะในธรรมที่เป็นโทษคืออกุศล เช่นตัณหาไว้มากมาย ทรงพร่ำสอนบ่อยๆ เพื่อให้สาวกผู้ที่ยังประมาท ยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม อบรมปัญญาไปจนกว่าจะเข้าใจธรรมที่ได้ฟังจริงๆ แม้คำว่า "วิสัตติกา" ครับ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอ และ คุณ chaiyut ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา คุณ chaiyut คุณคำปั่น และทุกท่านครับ
ผมอ่านพระธรรม วิสัตติกา ตอนนี้แล้ว กลัวมาก
และคิดว่าจะพยายามหลีกและระลึกรู้เท่าที่สามารถ
โดยการห่างไกลจากกิเลส
(คิดนะครับ ประพฤติปฏิบัติตามได้แค่ไหนก็แล้วแต่เหตุปัจจัย)
ขออนุโมทนาค่ะ