หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๕๕๑]
ทำตามๆ กันไปด้วยความไม่รู้ ไม่ใช่กุศล
พระพุทธศาสนาเป็นพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งผู้ที่เป็นสาวก คือผู้ฟังพระธรรมของพระองค์ จะต้องพิจารณาให้เกิดปัญญาของตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง อันนั้นจะไม่ใช่การประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แม้แต่เรื่องที่เข้าใจว่าเล็กๆ น้อยๆ คือเรื่องกุศล ก็ต้องพิจารณาจริงๆ ว่า เป็นกุศลหรือเปล่า หรือเข้าใจว่าเป็นกุศล แต่ว่าความจริงไม่ใช่กุศล ถ้าเป็นกุศลแล้วก็เป็นเรื่องขัดเกลา เป็นเรื่องอบรมเจริญปัญญาเพื่อที่จะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) อย่างถูกต้อง
การฟังธรรมใส่สีอะไรก็ได้ใช่ไหม? ไม่เกี่ยวกับสีอีกเหมือนกันใช่ไหม? แต่ว่าบางคนก็อาจจะอบรมมา สะสมมาที่จะพอใจในสีหนึ่งสีใด ก็เป็นฉันทะ (ความพอใจ) เป็นอัธยาศัย แต่ว่าไม่ใช่สีจะทำให้ดับกิเลส แต่ต้องเป็นปัญญา การพิจารณาอบรมระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม จนกว่าปัญญาจะเจริญขึ้น
เพราะฉะนั้นแต่ละบุคคลก็มีอัธยาศัยต่างๆ กัน พุทธบริษัทก็มีทั้งที่เป็นบรรพชิต และเป็นคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้นสะสมมาอย่างไร สภาพธรรมเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยอย่างไรก็พิจารณาเพื่อที่จะรู้ในลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
เรื่องกุศลไม่ควรจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ว่าเป็นเรื่องความเห็นถูกจริงๆ ท่านที่เคยติดในขนบธรรมเนียมใด ต้องพิจารณาหาเหตุผลให้ได้ ถึงจะเป็นปัญญา แต่ถ้ายังเพียงทำไปๆ ด้วยความไม่รู้ ในขณะนั้นก็สติเกิดระลึกรู้ได้ทันทีว่าในขณะนั้นไม่ใช่กุศล เป็นความสงสัย เป็นความไม่รู้ เป็นความติด
ถ้าทุกคนในขณะนี้จะพิจารณาสภาพธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง โดยถอดความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนออกจากสภาพธรรมทั้งหลายที่กำลังปรากฏก็ย่อมจะพิจารณารู้ได้ว่า ที่เคยยึดถือว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน วัตถุสิ่งต่างๆ นั้นก็เป็นการเกิดดับสืบต่อกันของจิต เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) รูป ซึ่งเป็นไปโดยไม่ขาดสายนั่นเอง ไม่ว่าจะทางตาที่กำลังเห็น ทางหูที่กำลังได้ยิน หรือว่าทางใจที่กำลังคิดนึก
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ