เป็นการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวเรา เมื่อสติไม่เกิด ไม่ระลึกรู้ ก็หลงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เมื่อสติไม่เกิด ไม่ระลึกรู้ก็หลงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ขณะที่กำลังเห็น คิดว่ามีศาลา มีคน มีวัตถุต่างๆ แต่ปัญญารู้ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาไม่ใช่คนหรือวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งเลยเป็นเพียงธาตุชนิดหนึ่งซึ่งปรากฏทางตาเท่านั้น หลับตาแล้วไม่มีเลยขณะที่คิดหรือจำว่าเป็นคน หรือขณะหลับตาแล้วคิดว่ายังมีคนนั่งอยู่นั้น ไม่ใช่ขณะที่เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ถ้าขณะหลับตาแล้วคนออกไปจากศาลากันหมดก็อาจคิดว่ายังมีคนอยู่ในศาลา ความจริงก็คือ ขณะที่คิดไม่ใช่ขณะที่เห็น สภาพธรรมเกิดดับสืบต่อสลับกันเร็วมากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจจึงยึดถือรวมกันเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นไม่ใช่เราจะกำหนดรู้ทันสภาพธรรมใด หรือสิ่งใดแต่สตินั่นเองระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละลักษณะจนกว่าจะรู้ชัด จึงจะปรากฏว่าไม่ใช่ตัวตนได้
ที่ใช้คำว่าเห็นหนอเป็นเพียงคิดนึก แต่ไม่ใช่การระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมะจริงๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ