พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 123
วันหนึ่ง เมื่อกุมารทั้งสองเหล่านั้นดูมหรสพโดยทำนองนี้ ความหัวเราะในฐานะที่ควร
หัวเราะหรือความสังเวชในฐานะที่ควรสังเวช หรือตกรางวัลในฐานะที่ควรตกรางวัล มิได้มีแล้วเหมือนในวันก่อนๆ เพราะญาณถึงความแก่รอบแล้ว. ก็ชนทั้งสองคิดกันอย่างนี้ว่า จะมีอะไรเล่า ที่น่าดูในการนี้, ชนทั้งหมดแม้นี้ เมื่อยังไม่ถึง ๑๐ ปี, ก็จักถึงความเป็นสภาพหาบัญญัติมิได้, ก็เราทั้งสองควรแสวงหาธรรมเครื่องพ้นอย่างเอกดังนี้แล้ว ถือเอาเป็นอารมณ์นั่งอยู่แล้ว. ลำดับนั้น โกลิตะพูดกะอุปติสสะว่า อุปติสสะผู้สหายไฉน ท่านจึงไม่หัวเราะรื่นเริงเหมือนในวันอื่นๆ , วันนี้ ท่านมีใจไม่เบิกบานท่านกำหนดอะไรได้หรือ อุปติสสะนั้นกล่าวว่า โกลิตะผู้สหาย เรานั่งคิดถึงเหตุนี้ว่า'ในการดูคนเหล่านี้ หาสาระมิได้, การดูนี้ไม่มีประโยชน์, เราควรแสวงหาโมกขธรรมเพื่อตน,' ก็ท่านเล่า เพราะเหตุไร จึงไม่เบิกบาน. แม้โกลิตะนั้น ก็บอกอย่างนั้นเหมือนกัน. ลำดับนั้น อุปติสสะ ทราบความที่โกลิตะนั้นมีอัธยาศัยเช่นเดียวกันกับตน
จึงกล่าวว่า "สหายเอ๋ย เราทั้งสองคิดกันดีแล้ว, ก็เราควรแสวงหาโมกขธรรม, ธรรมดาผู้แสวงหา ต้องได้บรรพชาชนิดหนึ่งจึงควร, เราทั้งสองจะบรรพชาในสำนักใครเล่า"