ผู้ที่บวชเป็นพระแล้วมาอุ้มลูกสาวของตนอาบัติแค่เล็กน้อยแล้วก็ไปปลงอาบัติเอาได้ตามที่ข่าวบอกจริงหรือครับ หรือมีโทษอย่างอื่นต่อผู้ที่บวชอีกมั้ยครับ ขอรายละเอียดด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประเด็นพระภิกษุจับต้องกายหญิงที่เป็นลูกสาว ก็เป็นอาบัติ คือ เป็นอาบัติทุกกฏ แต่ก็ต้องพิจารณาต่อไปว่า ทุกกฏ แม้จะเป็นอาบัติเบา แต่ก็มีโทษ เพราะความหมายของทุกกฏ คือ เป็นการกระทำที่ผิด เป็นการกระทำที่ไม่ดี เนื่องจากไม่ได้น้อมประพฤติตามพระดำรัสที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ เป็นการกระทำที่แย้งต่อกุศลธรรม เป็นการกระทำที่พลาด เพราะไม่สามารถย่างขึ้นสู่ข้อปฏิบัติที่ให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ กล่าวได้ว่า เป็นโทษโดยส่วนเดียว ยิ่งถ้าพระภิกษุมีความกำหนัดแล้วจับต้องกายหญิง แม้จะเป็นลูกสาวของตน ก็เป็นอาบัติหนักด้วย คือ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ตามพระวินัยบัญญัติที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ซึ่งเรื่องของจิตใจ เป็นเรื่องที่ระวังยาก เพราะโดยปกติของความเป็นปุถุชนก็มากไปด้วยอกุศลอยู่แล้ว ถ้าประมาท ก็ยิ่งพอกพูนอกุศลยิ่งขึ้น เป็นโทษกับตนเองโดยส่วนเดียว ครับ
[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๑๒๗
อนึ่ง ภิกษุใด กำหนัดแล้ว มีจิตแปรปรวนแล้ว ถึงความเคล้าคลึงด้วยกายกับมาตุคาม (ผู้หญิง) คือจับมือก็ตาม จับช้องผมก็ตามลูบคลำอวัยวะอันใดอันหนึ่งก็ตาม เป็นสังฆาทิเสส
[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๑๕๐
ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง จับต้องธิดาด้วยความรักฉันธิดา เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูกร ภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฎ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระภิกษุ เป็นเพศบรรพชิต ซึ่งเป็นเพศที่สูงยิ่ง ผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุนั้น ท่านเป็นผู้ที่เห็นโทษเห็นภัยของอกุศล เห็นโทษเห็นภัยของสังสารวัฏฏ์ซึ่งเต็มไปด้วยทุกข์ เห็นโทษเห็นภัยของการอยู่ครองเรือนว่าเป็นที่หลั่งไหลมาของอกุศลประการต่างๆ มากมาย ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรมอันเนื่องมาจากได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงสละอาคารบ้านเรือน สละวงศาคณาญาติ สละทรัพย์สมบัติ สละความเป็นคฤหัสถ์ทุกอย่าง มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง เมื่อบวชแล้ว ก็มีความจริงใจที่จะศึกษาพระธรรมวินัย น้อมประพฤติปฏิบัติ ขัดเกลากิเลสของตนเองให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ความเป็นบรรพชิต รักษายากมาก ต้องเป็นผู้มีอัธยาศัยน้อมไปจริงๆ ถึงจะรักษาได้ ทำให้ตนเองดำรงมั่นในพระธรรมวินัย แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย รักษาความเป็นบรรพชิต ไม่ได้ หรือ รักษาไม่ดี ล่วงละเมิดสิกขาบทต่างๆ ย่อมเป็นที่แน่นอนว่ามีแต่จะฉุดคร่าผู้นั้นไปสู่อบายภูมิเท่านั้น (ถ้าไม่สำนึกแล้วแก้ไขให้เป็นไปตามพระวินัย) หากมรณภาพลง (ตาย) ในขณะที่ยังมีอาบัติติดตัว ก็คือ ชาติต่อไป เกิดในอบายภูมิ เท่านั้น ซึ่งเป็นอันตรายมาก จะเห็นว่าเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ได้ หรือ จะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็แสดงถึงความเป็นผู้ไม่เคารพยำเกรงในสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้ทรงบัญญัติพระวินัยด้วยพระองค์เอง ที่บุคคลอื่นไม่สามารถที่จะบัญญัติได้
แม้ในประเด็นพระภิกษุจับต้องกายหญิงที่เป็นลูกสาว ในฐานะที่เป็นพ่อลูกกัน ก็เป็นอาบัติ คือ เป็นอาบัติทุกกฏ แต่ถ้ามีจิตกำหนัดยินดี ก็ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ถ้าบวชด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจพระธรรมวินัย บวชไปแล้วมีโทษมากไม่บวชดีกว่าค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ