จากการที่ผมได้ฟังพระธรรม ผมก็ตั้งใจว่าจะพยายามจะไม่กระทำสิ่งใดที่ผิดต่อพระศาสนาอีก โดยเมื่อต้องจัดงานศพบุพการี ผมและพี่น้องจึงได้ดำเนินการให้เรียบง่าย ประหยัด กระชับ ไม่เบียดเบียนต่อตนเองและผู้อื่น และที่สำคัญต้องไม่ทำลายพระธรรมวินัย
ผมใคร่ขอโอกาสแบ่งปันขั้นตอนในการดำเนินการจัดงานฌาปนกิจและงบประมาณคร่าวๆ ที่เราได้ทำกัน เผื่อว่าท่านใดต้องการจะจัดงานศพแบบนี้บ้าง แต่ยังนึกไม่ออกว่า จะเริ่มตรงไหน ติดต่อใคร จะได้พอมีแนวทางครับ
ในรอบปีที่ผ่านมา ผมเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทั้งสองท่านได้ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ ผมจึงได้จัดงานศพที่จังหวัด เชียงใหม่ โดยมีขั้นตอนดังนี้ครับ
ก่อนวันงาน
1. ไม่มีการนำร่างไปไว้ที่ศาลาวัด แต่เราทำการฝากไว้แผนกดูแลจัดการศพ (ที่รพ.นครพิงค์ มีบริษัทเอกชนเข้าไปตั้งหน่วยดูแลจัดการและขนส่งศพ สามารถสอบถามได้ที่พยาบาล) ในกรณีที่ต้องฝากไว้หลายวัน เราสามารถให้ทางแผนกนี้ช่วยฉีดยารักษาร่างไว้ได้ (ซื้อน้ำยาฟอร์มาลีนที่ห้องยาของรพ.) และที่นี่มีโลงศพให้บริการด้วย จากนั้นนัดวัน/เวลาและสถานที่ที่จะจัดงาน
2. นำใบมรณบัตรไปทำเรื่องขอใช้ฌาปนสถานที่เทศบาล (กรณีนี้ ผมไปขอใช้ฌาปนสถานสันกู่เหล็ก ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของเทศบาลแขวงกาวิละ) จองวัน/เวลาที่จะใช้สถานที่แล้วชำระเงินค่าธรรมเนียม
3. นำใบเสร็จค่าธรรมเนียมไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ประจำฌาปนสถาน นัดวัน/เวลา แจ้งความประสงค์ที่จะขอใช้อุปกรณ์ (เช่น ไมโครโฟน เครื่องเสียง เก้าอี้ โต๊ะ) ชำระค่าน้ำมันเตาเผา
วันงาน
1. ติดต่อรับร่างที่แผนกรับฝาก
2. ชำระเงินค่าดูแลจัดการศพ ค่ารับฝาก (คิดเป็นวัน) ค่าโลง และค่าขนส่ง
3. รถขนส่งร่างไปที่ฌาปนสถาน และนำขึ้นไปรอที่เมรุ
4. ในงานพิธี เริ่มจากการอ่านประวัติคุณพ่อ/แม่ บุตรอ่านคำไว้อาลัยและแสดงธรรมะ แล้วกล่าวคำอุทิศส่วนกุศล
5. ทำการฌาปนกิจ จากนั้นนัดวันเข้าไปรับเถ้าอัฐิกับเจ้าหน้าที่ประจำฌาปนสถาน
หลังวันงาน
1. เข้าไปรับเถ้าอัฐิ
2. นำเถ้าอัฐิไปลอยแม่น้ำ โดยผมได้ไปที่ท่าน้ำที่อยู่หลังวัดชัยมงคล จะมีเรือของร้านกาแฟให้บริการอยู่ ถ้าให้เรือไปใกล้ๆ ถึงแค่บริเวณหน้าค่ายกาวิละ ค่าเรือจะแล้วเราให้ แต่ถ้าเราให้ไปไกลกว่านั้น ก็แล้วแต่ตกลงราคาค่าเรือครับ
สรุปค่าใช้จ่าย
1. ค่าน้ำยาฟอร์มาลีน 300 บาท
2. ค่ารับฝากศพ วันละ 300 บาท (คิดค่าฝากเป็นรายวัน)
3. ค่าฉีดยาและดูแลจัดการศพ 500 บาท
4. ค่าโลง เริ่มต้นที่ 2,000 บาท
5. ค่าขนส่งศพ 300 บาท (กรณีส่งที่ฌาปนสถานที่อยู่ในอำเภอเมือง)
6. ค่าธรรมเนียมการขออนุญาตใช้ฌาปนสถาน 100 บาท
7. ค่าน้ำมันเตาเผา 1,500 บาท
8. ค่าลุ้งสำหรับเก็บอัฐิและค่าแรงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถาน (แล้วแต่จะให้)
9. ค่าเรือ (แล้วแต่จะให้)
10. ค่ารูปและกรอบรูปคุณพ่อ/แม่ ที่วางในงาน
11. ค่าของว่างและน้ำดื่ม สำหรับผู้มาร่วมงาน
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และกราบขอบพระคุณคณะอาจารย์บ้านธัมมะที่เผยแพร่ความเห็นถูก มิเช่นนั้นผมคงทำอะไรผิดๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการประทุษร้ายพระสรีระของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
ยินดีในกุศลของคุณวิทย์เป็นอย่างยิ่ง ที่มั่นคงที่จะไม่ทำสิ่งที่ผิด ครับ
กระทู้นี้เป็นประโยชน์มากๆ ครับ
ยินดีในกุศลที่คุณWitt ได้ทำครับ
ยินดีในกุศลทุกประการของคุณวิทย์ ครับ เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับทุกท่านครับ ความจริงแล้ว การฌาปนกิจศพ ไม่ได้มีความยุ่งยากและสิ้นเปลืองใดๆ ดังเช่นที่ทำกันทุกวันนี้เลย ผมและครอบครัวที่มีพี่น้องรวม ๗ คน ก็ได้ทำการฌาปนกิจศพของคุณแม่ของเราแบบเรียบง่ายเช่นเดียวกันกับที่คุณวิทย์ได้แชร์ประสบการณ์มาข้างต้นนี้เมื่อสองปีที่แล้วเช่นกัน ครับ
ขออนุโมทนาครับ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๙๔๐
พระบัญญัติ พระพุทธเจ้าตรัสว่า..ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
เชิญคลิ๊กที่นี่ พระภิกษุดี ไม่รับเงินทอง
ยินดีในกุศลคุณความดีของท่านที่มั่นคงในการดำรงรักษาพระธรรมวินัยที่พระศาสดาทรงบัญญัติไว้ด้วยพระมหากรุณาอย่างยิ่ง
น้อมกุศลทุกประการแด่ท่านผู้เพิ่งจากไป ถ้าอยู่ในภูมิที่รับรู้ได้ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีในกุศลด้วยเทอญ
กราบอนุโมทนาท่านที่เขียนกระทู้ค่ะ และแบ่งปันให้ได้อ่าน ที่เกิดความเข้าใจในการเกิดมาเพื่อทดแทนบุญคุณ กตัญญูรู้คุณความดีตามพุทธศาสนา แม้ล่วงมาและพึ่งได้เข้าใจในวัยกลางคนแล้วก็ตาม ขอให้กุศลจิตที่เกิดจากการอ่านกระทู้นี้ได้ล่วงรู้และค่อยๆ สะสมไว้ในจิตและเกิดกุศลจิตแด่ผู้ที่ได้อ่านได้ศึกษาคำสอนของพุทธองค์ แม้นเกิดเป็นมนุษย์มาก็ยาก จะพบและน้อมเข้าใจธรรมะทั้งปวงนั้นแสนยาก กราบสาธุค่ะ
ขออนุโมทนาครับ เป็นประโยชน์มาก