รบกวนถามเรื่องการถือศีล ๕ หน่อยครับ คือ ผมตั้งใจจะถือศีล ๕ ตลอดไป แต่ผมทำธุรกิจส่วนตัว มีบางครั้งต้องโกหกบ้าง ต้องดื่มบ้าง แต่ผมไม่ใช่คนดื่มเหล้านะ นอกจากเจอเพื่อนหรือลูกค้ายื่นให้ดื่ม ในแต่ละวันถ้าผมตั้งใจจะถือศีล ๕ ต้องเคร่งหรือเปล่าครับแล้วถ้าผิดพลั้งไปซักข้อ เริ่มใหม่ได้หรือเปล่าหรือต้องรอวันถัดไป ผมยังมีกิเลสอยู่ แต่ผมตั้งใจจะถือศีล ๕ จริงๆ รบกวนถามผู้รู้หน่อยครับ
ก่อนอื่นก็ขออนุโมทนาด้วยนะครับที่เห็นประโยชน์ของกุศลศีล แต่ศีลจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ได้เพราะมีปัญญา ควรศึกษาพระธรรมให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เพราะการรักษาศีลด้วย ศรัทธา ยังมีเรารักษาศีล ศีลยังไม่มั่นคง ยังไม่ใช่อริยกันตศีล ถ้าในระหว่างที่รักษาศีล ถ้ามีการก้าวล่วงศีลบ้างบางข้อก็ควรตั้งใจสมาทานรักษาใหม่ โดยไม่ต้องรอวันถัดไป สำหรับศีลข้อสุราเมรัย ฯ ถ้ามีคนยื่นให้เราก็ควรปฏิเสธ คือบอกเขาไปว่าเราไม่ดื่ม ครับ
สาธุ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่เพียรระวังรักษาศีล ๕ ไม่ก้าวล่วงค่ะ
พระพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จจนกระทั่งชรา ศรัทธาตั้งมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญาเป็นรัตนะของคนทั้งหลาย บุญอันโจรลักไปไม่ได้
ขออนุโมทนาในความตั้งใจเจริญกุศลเพื่อขัดเกลากิเลสด้วยครับ
การถือศีล รักษาศีล นั้นเป็นการเจริญบุญกุศล อย่างหนึ่ง ในบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ และในบารมี ๑๐ ถ้าเป็นไปเพราะต้องการหรือ อยากรักษา ศีล ก็คงยากที่จะสำเร็จได้ แต่ถ้าเข้าใจ และเห็นโทษของการประพฤติผิดในศีล จะทำให้ละอายและเกรงกลัวต่อการประพฤติผิดในศีลนั้น อกุศลกรรม แม้เพียงเล็กน้อย ก็อย่าประมาท เพราะเป็นการสั่งสมกรรมและกิเลส และวิบาก ที่กรรมและกิเลสสั่งสมไว้นั้น จะตามมา การเจริญกุศลนั้น ควรเจริญทุกประการ เพื่อจะเป็นปัจจัยให้ปัญญาเกิดขึ้น ลด ละกิเลส จนถึงขั้นดับกิเลสได้เป็นสมุทเฉท เป็นลำดับขั้น
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตของแต่ละบุคคลที่กำลังดำรงอยู่ และดำเนินไปในแต่ละวันนั้น คือศีล เพราะเหตุว่า ศีล เป็นความประพฤติที่เป็นไปทางกาย ทางวาจา ถ้ากาย วาจา เป็นไปในทางอกุศล ขณะนั้น เป็นอกุศลศีล แต่ขณะใดที่กาย วาจา เป็นไปทางฝ่ายกุศลขณะนั้น ก็เป็นกุศลศีล ศีลจึงมีความหมายที่กว้างขวางมาก แต่ที่เข้าใจกันเป็นอย่างดี คือ เป็นความประพฤติเป็นไปทางกาย ทางวาจาที่ดีงาม เป็นการรักษากาย วาจาให้เป็นปกติเรียบร้อย ผู้ที่มีศีล คือ ผู้ที่มีความประพฤติที่ดีงามทั้งทางกาย ทางวาจา เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เป็นต้น ศีลที่คฤหัสถ์รักษาเป็นประจำ เป็นนิตย์ นั้น มี ๕ ข้อ ซึ่งในแต่ละข้อเมื่อสำรวมระวังรักษาแล้ว เป็นไปในที่ดีทั้งหมด ให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นอย่างแท้จริง
ศีลข้อที่ ๑ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เป็นการให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตของสัตว์อื่น
ศีลข้อที่ ๒ งดเว้นจากการลักทรัพย์ เป็นการให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น
ศีลข้อที่ ๓ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม เป็นการให้ความปลอดภัยแก่บุตร-ธิดา ภรรยา ของผู้อื่น
ศีลข้อที่ ๔ งดเว้นจากการพูดเท็จ เป็นการให้ความจริงแก่ผู้อื่น
ศีลข้อที่ ๕ งดเว้นจากการดื่มสรุาเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นการให้ความปลอดภัยแก่ทุกสิ่งทุกอย่าง ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีตัวตนที่จะพยายามรักษาศีล แต่การจะรักษาศีลได้ดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) เมื่อมีปัญญามากขึ้น ธรรมที่ดีงามย่อมเกิดขึ้นทำหน้าที่รักษากาย วาจาให้เป็นไปในทางที่ดี ที่ถูกที่ควร เป็นไปตามตามกำลังของปัญญาที่เจริญขึ้นจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ในชีวิตประจำวัน นั่นเอง ปัญญา จึงเป็นเครื่องนำทางชีวิต ที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอให้ทุกท่านมีความเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ อนุโมทนาด้วยครับ
การรักษาศีลนั้น อย่าให้เป็นสีลัพพัตตปรามาส เราเป็นปุถุชนอยู่ก็ย่อมขาดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ให้ตั้งใจรักษาไม่ล่วงละเมิด ก็จะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งแก่เรา
ขอกราบนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น...และขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอจ. สุจินต์ และทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ
ขออนุโมทนาครับ