เรียนท่านผู้รู้กรุณาชี้ทางถูกด้วยครับ
โดยทั่วๆ ไป การฝัน หมายถึง จิตคิด ทางมโนทวาร ที่เป็นกุศลหรืออกุศลชาติ ผมเคยได้ยินมาว่าพระอรหันต์มีสติตลอดเวลา ถ้าจริง จะใช่หรือไม่ครับ ที่พระอรหันต์ท่านคิดเป็นกิริยาจิตที่ประกอบด้วยโสภณจิต ในเมื่อพระอรหันต์มีการคิด ท่านน่าจะมีการฝัน (คิดทางมโนทวาร) แต่เป็นกิริยาจิตที่ประกอบด้วยโสภณจิต
ขอขอบพระคุณ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง เป็นผู้ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวง ได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือ ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย พระอรหันต์เป็นผู้มีปกติไม่หลงลืมสติ แต่ไม่ได้หมายความว่า พระอรหันต์จะเป็นผู้มีสติเกิดอยู่ตลอดเวลา เพราะจิตของพระอรหันต์มี ๒ ชาติ คือ วิบาก กับ กิริยา ขณะที่เห็น ขณะที่ได้ยิน ขณะที่ได้กลิ่น ขณะที่ลิ้มรส ขณะที่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ขณะนั้นเป็นวิบากจิต ไม่มีสติเกิดร่วมด้วย
ธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น เมื่อวิถีจิตทางปัญจทวาร คือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เกิดขึ้น ย่อมเป็นปัจจัยให้ วิถีจิตทางมโนทวารสืบต่อ (คิดนึก) เป็นธรรมดาของจิต ที่จะต้องเป็นอย่างนี้ ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และบังคับบัญชาให้เกิดขึ้นก็ไม่ได้ เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยและวิถีจิตที่ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่หรืผู้ที่ดับกิเลสหมดถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ความจริงก็ต้องเป็นอย่างนี้ แต่จะต่างตรงเรื่องของความฝัน ผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ย่อมฝัน ความฝันเกิดขึ้นเป็นไปทางมโนทวาร (คิดนึก) ที่ฝันเพราะยังมีกิเลสอยู่ จึงฝัน ความฝัน เป็นความคิดนึกที่เป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง แต่สำหรับผู้ที่เป็นพระอรหันต์แล้วนั้น ท่านไม่ฝัน เพราะท่านไม่มีกิเลส ดับกิเลสหมดแล้ว ไม่มีกุศลกับอกุศลเกิดขึ้นอีกเลย มีจิตเพียง ๒ ชาติ คือ ชาติวิบาก กับ กิริยาเท่านั้น เรื่องของความฝัน จึงเป็นเรื่องของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ เท่านั้น ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ขณะที่หลับพระอรหันต์จะยังมีความฝันรึไม่คับ
และขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่นี่ครับ
เหตุใดปุถุชนจึงฝัน แต่พระอรหันต์ไม่ฝัน
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ควรเข้าใจครับว่า สิ่งที่มีจริงคือสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม คือ จิต เจตสิก รูป ขณะฝันก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมเช่นกัน ขณะฝัน ขณะนั้นก็เป็นจิต จิตที่คิดนึก ในเรื่องราวต่างๆ เพราะฉะนั้นอาศัย สัญญา ความจำ จำในสิ่งต่างๆ และเมื่อมีความจำ ก็มีการคิดนึกในสิ่งที่จำมาในชีวิตประจำวัน หรือในอดีตที่เคย เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สิ่งกระทบสัมผัส และเมื่อมีการ เห็น ได้ยิน สิ่งต่างๆ ในอดีตแล้ว ขณะนั้นก็ต้องมีการจำด้วย จำในสิ่งต่างๆ ที่ได้เห็น ได้ยิน และก็มีการคิดนึก ถึงเรื่องที่เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้จำมา ครับ
เพราะฉะนั้น ขณะที่ฝันก็เป็นการคิดนึก คือจิตที่คิดนึก ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเห็น เคยได้ยินมา เป็นต้น เพราะฉะนั้นอาศัยสภาพธรรม อาศัยสัญญาความจำ อาศัยจิต จึงมีการฝันเป็นเรื่อราวต่างๆ เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ขณะที่ฝันไม่ใช่ขณะที่เห็น แต่เหมือนเห็น ฝันคือการคิดนึกครับ ซึ่งหตุให้เกิดความฝัน ก็เพราะ มีสัญญา มีจิต มีอกุศลอยู่ จึงมีการฝัน
ดังนั้น ความฝัน จึงเกิดจากการปรุงแต่ง ของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ทำให้เกิดความฝันที่เป็นกุศล และ อกุศลครับ ส่วนพระอรหันต์ ท่านดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ท่านละวิปลาสได้แล้ว (คือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงที่เป็นอกุศลจิต) จึงไม่มีความฝันที่เป็นความวิปลาสได้ เมื่อความฝันนั้นเป็นอกุศลครับ และท่านก็ละความยินดี พอใจ ติดข้องในสิ่งต่างๆ ละ อวิชชา (ความไม่รู้) และกิเลสประการต่างๆ ทั้งสิ้น จิตของท่านจึงมีเพียงชาติวิบากและกิริยา ไม่เป็นกุศล หรือ อกุศลเลยครับ เพราะฉะนั้น ในเมื่อความฝัน เป็นจิตชาติกุศล หรือ อกุศล พระอรหันต์ไม่มี กุศลจิต หรือ อกุศลจิตเกิดแล้ว จึงไม่ฝันนั่นเองครับ เพราะฉะนั้น พระอรหันต์ละวิปลาสได้ทั้งหมด คือ ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ตามความเป็นจริง และ ละอกุศลได้หมดสิ้น จึงไม่ฝันอีกต่อไปครับ
ดังนั้น พระอรหันต์ ไม่ได้ฝันด้วยกิริยาจิตที่เป็นโสภณจิต แต่ไม่ฝันเลย เพราะความฝัน อาศัยการที่ยังละวิปลาสไม่ได้ จึงมีความฝันขึ้น ครับ ซึ่งโดยความละเอียด แม้ความฝันจะเกิดทางมโนทวาร แต่ ความฝันจะต้องอาศัย ความวิปลาส ที่ยังละไม่ได้ เกิดกุศลจิต และ อกุศลจิต เปรียบเหมือน สังขาร คือ กรรม ที่เป็น กุศล อกุศล จะมีได้ เพราะ อาศัย อวิชชา เป็นปัจจัย คือ มีความไม่รู้เป็นปัจจัย แม้ความฝัน ก็ต้องอาศัย ความวิปลาสที่ยังละไม่ได้ เกิดขึ้น พระอรหันต์ แม้มีความคิดนึกทางมโนทวาร ที่เป็น กิริยาจิต แต่เพราะ ละ วิปลาสได้หมดสิ้น กิริยาจิต จึงไม่ทำกิจให้เกิดความฝันทางมโนทวาร ซึ่งหากพิจารณาความจริงของความฝัน ไม่ใช่เกิดเพียงกุศลจิตใช่ไหม ครับ แต่เกิด อกุศลจิต เป็นส่วนมาก ดังนั้น จิตจะต้องเกิดดับสลับกันในขณะที่ฝัน เป็นกุศลจิต และเป็นอกุศลจิตเป็นส่วนมาก ดังนั้น พระอรหันต์จึงไม่ฝัน ไม่มีการเกิดกุศลจิต หรือ เกิดกิริยาจิต สลับกับภวังคจิต หรือ อกุศลจิตเลย ด้วยเหตุผลที่ดับวิปลาสหมดแล้วนั่นเอง ครับ นี่คือ ความละเอียดของพระธรรม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 102
ข้อความบางตอนจาก...
อรรถกถาพระวินัย
... ก็แลความฝัน ทั้ง ๔ อย่างนี้นั้น พระเสขะ และปุถุชนเท่านั้น ย่อมฝัน เพราะยังละวิปลาสไม่ได้ พระอเสขะ (พระอรหันต์) ทั้งหลาย ย่อมไม่ฝัน เพราะท่านละวิปลาสได้แล้ว
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ