-ชีวิตที่ผ่านมาในสังสารวัฏฏ์ก็เป็นไปตามกระแสของกิเลสโดยมิอาจต้านทานได้
-กระแสของความเป็นเรา ยังตามกระแสของกิเลสอยู่ เห็นผิดยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นเรา และยินดีพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นกระแสของความไม่รู้ ฟังธรรมเข้าใจสิ่งที่กำลังฟัง รอบรู้ในแต่ละคำ ให้ปัญญามั่นคงทวนกระแสของกิเลส ความเข้าใจสามารถต้านกระแสของกิเลสได้ เข้าใจความจริงว่าไม่มีเรา รู้จักธรรมะ รู้จักสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ไปรู้อย่างอื่น จนถึงความเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรา
-กิเลสทั้งวัน ก็ฟังธรรมะให้เข้าใจเป็นปกติธรรมดา รู้ความจริงว่ามีกิเลสทั้งวันเป็นธรรมดา จนกว่าความเข้าใจจะเพิ่มขึ้น รู้ว่าขณะไหนเป็นไปตามกิเลสและขณะไหนกิเลสไม่สามารถดึงไปได้ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมเตชะ เป็นปาฏิหาริย์สามารถทำให้คนที่ได้ฟังมีความเข้าใจขึ้นเปลี่ยนไปจากเดิม
-อาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาศัยคำที่เกิดจากปัญญาที่เข้าใจธรรมะ จากไม่เคยเข้าใจมาก่อน เมื่อได้ยินได้ฟังก็ได้เข้าใจขึ้น จนนำไปถึงการประจักษ์แจ้ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้ตรัสบอกหนทางเพื่อให้ผู้ฟังรู้ยิ่งเห็นจริงในสิ่งที่ควรรู้ ซึ่งรู้ไม่ได้เลยถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม พระองค์ไม่สามารถบังคับบัญชาให้ใครหมดกิเลสได้
กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ุขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ความประเสริฐของการได้ชีวิตในชาตินี้ คือได้ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงแสดงให้สัตว์โลกได้รู้ตาม ด้วยพระมหากรุณาคุณที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าผู้ใดในจักรวาล
ได้พบกัลยาณมิตร เป็นเหตุให้เห็นคุณค่าของการเจริญกุศล สะสมความเข้าใจถูก เพื่อนำไปสู่การเห็นถูกตามความจริง แม้จะอีกแสนนาน แต่ก็เป็นการเดินทางที่คุ้มค่าที่สุดในสังสารวัฎฎ์
อนุโมทนากุศล และ ขอบคุณมากค่ะคุณ Nattawan สำหรับข้อความที่ยกมาเตือนใจ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ...
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ
ยินดีในกุศลจิตครับ