[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 272
๒. โอคธสูตร
องค์คุณของพระโสดาบัน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 31]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 272
๒. โอคธสูตร
องค์คุณของพระโสดาบัน
[๑๔๑๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ฯลฯ ในพระธรรม ฯลฯ ในพระสงฆ์ ฯลฯ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ฯลฯ อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๔๑๕] ศรัทธา ศีล ความเลื่อมใสและการเห็นธรรมมีอยู่แก่ผู้ใด ผู้นั้นแล ย่อมบรรลุความสุข อันหยั่งลงในพรหมจรรย์ตามกาล.
จบโอคธสูตรที่ ๒
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 273
อรรถกถาโอคธสูตร
พึงทราบอธิบายในโอคธสูตรที่ ๒.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถือเอาความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ด้วยบทว่า เยสํ สทฺธา.
ทรงถือเอาศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ด้วยบทว่า ศีล.
ทรงถือเอาความเลื่อมใสในพระสงฆ์ ด้วยบทว่า ความเลื่อมใส.
ทรงถือเอาความเลื่อมใสในธรรม ด้วยบทว่า การเห็นธรรม เป็นอันว่า ตรัสองค์แห่งการบรรลุโสดา ๔ ด้วยประการฉะนี้.
บทว่า กาเล ปจฺเจนฺติ ได้แก่ บรรลุ (ผล) ตามกาล.
บทว่า ความสุขอันหยั่งลงในพรหมจรรย์ ได้แก่ สุขที่สัมปยุตด้วยมรรค ๓ เบื้องสูงที่รวมเอาพรหมจรรย์แล้วดำรงอยู่.
ก็ความเลื่อมใสที่มาแล้วในคาถา จัดว่าเป็นความเลื่อมใสอันเป็นโลกุตระ พระติปิฏกจูฬาภยเถระ กล่าวว่า ความเลื่อมใสก่อน.
พระติปิฏกจูฬนาคเถระ กล่าวว่า ความเลื่อมใสคือ การพิจารณามรรคที่มาแล้ว.
พระเถระ แม้ทั้งสอง เป็นบัณฑิต มีสุตะมาก สุภาษิตของพระเถระทั้งสองว่า นี้เป็นความเลื่อมใสที่เจือกัน.
จบอรรถกถาโอคธสูตรที่ ๒