ผมเข้าใจว่าการฟังธรรมนั้นเกื้อกูลให้เข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ และทำให้เข้าใจ มากขึ้นในสิ่งที่พอเข้าใจแล้ว การฟังธรรมจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เป็นกิจที่ควร ทำสูงสุด แต่ในชีวิตประจำวันที่มีกิจมากนั้น คงต้องแบ่งเวลาเพื่อทำกิจการงานต่างๆ กับ การฟังธรรม ซึ่งด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ทำให้เราสามารถเปิดธรรมฟังได้แม้ในขณะทำ งานอื่นๆ ไปพร้อมกัน
คำถามที่ผมอยากถามท่านผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายคือ ควรฟังธรรมอย่างไรจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด เป็นการเคารพในธรรมและไม่ประมาทในธรรม จะฟังธรรมไป พร้อมๆ กับการทำกิจการงานอื่นๆ ดีหรือไม่ หรือควรแบ่งเวลาสำหรับการฟังธรรมโดย เฉพาะโดยไม่ต้องทำกิจอื่น หรือจะฟังอย่างไรก็ได้ขอเพียงให้เกิดความเข้าใจ ฯลฯ ขอความเห็นจากประสบการณ์ของทุกท่านด้วยนะครับ
สาธุ
ผู้ที่เริ่มฟังใหม่ๆ ควรตั้งใจฟังโดยไม่ต้องทำกิจอย่างอื่น เพราะถ้าทำกิจด้วย ฟังด้วย การฟังก็จะไม่รู้เรื่อง เป็นการฟังที่ล้มเหลว ทำให้ไม่เข้าใจประโยชน์ของการฟังธรรม ผู้ที่ฟังมานานและมีความเข้าใจมากแล้ว ขอย้ำมากแล้ว การฟังด้วยทำกิจด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหา เป็นการฟังเพื่อเตือนและทบทวนให้อยู่ในธรรม การฟังก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าจะฟังเพื่อเคารพในพระธรรมเพื่อสังสมกุศล ก็ควรฟังโดยไม่มีกิจอื่น ครับ
การฟังธรรมะที่ไม่สูญเปล่า คือการฟังแล้วประพฤติปฏิบัติตาม เช่น กุศลขั้นทาน ศีล
ภาวนา (สติปัฏฐาน) เจริญขึ้น วันนี้เข้าใจขึ้นกว่าเมื่อวาน ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา อยากจะฟังโดยไม่ทำอย่างอื่นก็บังคับบัญชาไม่ได้ แม้ฟังธรรมโดยไม่ทำอย่างอื่นเลย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งใจฟัง ก็คิดไปในเรื่องอื่นๆ ก็ได้ซึ่งก็มีกุศลและอกุศลสลับกันไป ดังนั้น การฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา คือการเคารพ ตั้งใจฟังธรรมในเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง ไม่ละเลยในการฟังธรรมครับ ขออนุโมทนา
การฟังธรรมเป็นความดี
พระกุมาบุตรเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การฟังเป็นความดีความประพฤติมักน้อยเป็นความดี การอยู่โดยไม่ห่วงใยเป็นความดีทุกเมื่อการถามสิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นความดี การทำตามโอวาทโดยเคารพเป็นความดีกิจมีการฟังเป็นต้นนี้ เป็นเครื่องสงบของผู้ไม่มีกังวล
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอความเห็นจากประสบการณ์ของทุกท่านด้วยนะครับ
ขอแสดงความเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ..
ถ้าเป็นกิจการงานที่ไม่ได้ใช้ความคิดไปกับงานมากๆ แต่เป็นกิจบางอย่าง ที่ไม่มีเสียงรบกวนมากจนเกินไป ก็ควรฟังพระธรรมเพราะขณะนั้นๆ ก็อาจคิดฟุ้งซ่านไปกับเรื่องไร้สาระอื่นๆ ที่ไม่มีประโยชน์เพราะในกิจกรรมบางอย่าง ที่ขณะทำไป ก็มีสภาพคิดนึกเรื่องอื่นๆ ไปด้วย ฟังพระธรรมจึงดีกว่าไม่ฟัง อย่างที่ท่านอาจารย์แนะนำ.
โดยส่วนตัว กิจกรรมบางอย่าง เช่นฟังพระธรรมในขณะที่ขับรถรีดผ้า กวาดบ้าน เดินเล่น ฯลฯ ก็ฟังธรรมะรู้เรื่องได้ ไม่มากก็น้อย
บางครั้ง ในช่วงเวลาที่ฟังธรรมทางวิทยุประจำวัน ตอนเที่ยง และ ตอนเย็นกำลังทานอาหารอยู่อย่างเอร็ดอร่อย แล้วได้ฟังท่านอาจารย์กำลังบรรยายเรื่องที่เกี่ยวกับการบริโภคอาหารอยู่พอดีเลย ได้ฟังแล้ว ก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้ได้พิจารณาในสภาพธรรม ที่มีจริงๆ ในขณะนั้นได้ โดยไม่ได้คาดคิดมาก่อนซึ่งก็เป็นประโยชน์
แต่แน่นอนที่สุด การฟังธรรม ด้วยความตั้งใจ ใส่ใจฟัง (ฟังซ้ำบ่อยๆ ก็ยิ่งดี เพราะฟังแล้วอาจจะลืม) หรือการอ่านข้อความธรรมะ ต้องมีความตั้งใจ จึงจะรู้เรื่อง (จะจดไว้เพื่อทบทวน ด้วยก็ยิ่งดี เพราะอ่านแล้วก็อาจจะลืม)
สภาพจิตที่ตั้งมั่นในการฟัง การอ่าน โดยไม่มีกิจอื่นมารบกวนในขณะนั้นย่อมดีกว่าแน่นอนค่ะ
แต่ละคน ก็คงจะมีเหตุปัจจัยในชีวิตประจำวันที่ต่างๆ กันใช่ไหมคะจึงไม่ควรเป็นการฝืนอัธยาศัย หรือ มีกฏเกณฑ์ ว่า ต้องฟังให้ได้ อย่างนั้นอย่างนี้ ฟังเมื่อไรก็ได้ ถ้าขณะนั้น มีความพร้อมที่จะฟัง.
ขออนุโมทนาค่ะ
เคล็ดไม่ลับในการเข้าใจพระธรรมคือ ฟังให้เข้าใจในสิ่งที่ฟังบ่อยๆ เนืองๆ จริงๆ และไม่มีคำว่า ไม่มีเวลา ในสิ่งที่ให้ความสำคัญ
ขออนุโมทนาทุกท่านครับ
ผมมีความเห็นด้วยกับคุณพุทธรักษานะครับว่า หากงานที่ไม่ต้องใช้ความคิดมาก เราอาจจะฟังธรรมไปได้พร้อมกัน เพราะร่างกายทำงานไปตามอัตโนมัติ แต่จิตยังคงว่างจากความคิด เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถที่จะคิดตาม น้อมตามได้ ตัวอย่างเช่น ผมออกกำลังกายทุกเช้า จะฟังธรรมะไปพร้อมกัน
แต่เมื่อทำงานที่ต้องใช้ความคิดมากๆ ผมก็พยายามที่จะเปิดธรรมะฟังไปด้วย
เพราะเข้าใจว่าเมื่อคิดเรื่องงาน จิตก็ใฝ่อยู่กับงานกับหน้าที่นั้น แต่งานที่คิดนั้น มิได้ต่อเนื่องตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น ผมทำงาน ๑ ชั่วโมง แต่การคิดถึงงานก็เป็นช่วงๆ ๑๐ นาที บ้าง ๑๕ นาที บ้าง แล้วพัก ความคิดอื่นแล่นเข้ามา
ช่วงนี้แหละครับ ที่ผมเข้าใจว่า หากเราฟังธรรมะไปพร้อมๆ กันแล้ว (โดยไม่ไปรบกวนใคร) ความคิดน่าจะหวนกลับมาฟังธรรมะที่เปิดไว้ได้ แม้จะไม่ต่อเนื่อง หรืออาจจะไม่เข้าใจเสียทีเดียว แต่ก็เป็นเครื่องเตือนสติได้ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์สุจินต์ท่านพูดว่า " พวกเราหลงลืมสติ ไม่ระลึกถึงสภาวะที่ปรากฏตามความเป็นจริงกันหรือเปล่าค่ะ" ถึงตอนนี้ก็นึกได้ว่า คิดเรื่องงานก็หลงลืมสติไปแล้วครับ
ก็ไม่ทราบว่าจะถูกต้องหรือผิดนะครับ แต่ถ้างานไม่เสียหรือไม่ล่าช้า ผมว่าก็น่าจะพอทำได้ ไม่ทราบว่าจะเหมือนกับ คนที่ทำงานไป เปิดเพลง หรือ เปิดทีวี ไปด้วยหรือไม่
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น มิได้หมายความว่า การฟังธรรมะในลักษณะนั้น จะมิได้เป็นการฟังธรรมะโดยไม่เคารพพระธรรมนะครับ เพราะพระธรรมที่เราได้ยินนั้นถือว่าเป็นกุศลวิบาก ระลึกในความดีของเราที่เคยทำมาจึงมีโอกาสได้รับฟังพระธรรมมากๆ
แต่ก็ด้วยการที่พิจารณาว่า หนทางนั้นยังอีกยาวไกล หากไม่เร่งรีบขวนขวายไว้ ก็ย่อมเนินช้า และมีโอกาส ออกนอกลู่นอกทาง (ไปมากๆ ) ได้
ธรรมะของพระพุทธองค์ คำสอนทุกๆ ถ้อยคำ ควรที่เราจะได้น้อมระลึก รับฟังมาพิจารณาให้มากๆ ใช้เวลาอันเป็นสาระสำคัญนี้ให้มากๆ เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องรองครับ
ขอบคุณคุณ sam นะคะที่ได้ตั้งกระทู้นี้ ดิฉันได้เปิดฟังการบรรยายธรรมของบ้านธรรมะมาได้ระยะหนึ่งค่ะ แรกๆ ก็นั่งฟังด้วยดีด้วยคิดว่าการฟังธรรมต้องทำด้วยความเคารพ คือนั่งฟังโดยไม่ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากฟัง แต่ก็ทำได้ไม่นาน ตอนหลังๆ จึงฟังไปด้วยทำงานอย่างอื่นไปด้วย คิดว่าอย่างน้อยก็ยังได้ยิน ถึงแม้ว่าจะลุกเดินไปมาหรือได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้างก็ฟังซ้ำๆ แล้วก็เข้าใจ และยิ่งเข้ามาอ่านความคิดเห็นของคุณพุทธรักษาและคุณจักรกฤษณ์ก็ดีใจค่ะ.. เพราะคุณทั้งสองทำให้ดิฉันลดความรู้สึกผิดว่าตนเองไม่ฟังธรรมด้วยความเคารพ.. บางครั้งแค่เปลี่ยนมุมมองก็ทำให้คิดเป็นกุศลได้ใช่ไหมคะ อย่างขณะที่กำลังเขียนแสดงความคิดเห็นอยู่นี่ดิฉันก็คิดว่าเป็นบุญกุศลที่ได้มีโอกาสเข้ามารู้จักสังคมนี้