ต่างกันที่ปัญญา
โดย พุทธรักษา  12 ต.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 10117

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทปโดยคุณย่าสงวน สุจริตกุล

ขณะที่รู้ชัดกับขณะที่ไม่รู้ชัดต่างกันที่ ปัญญาที่แทงตลอดลักษณะของอารมณ์ของสติปัฏฐานในขณะที่ "สติ" กำลังระลึกรู้ แต่ว่าลักษณะของสติก็ยังเหมือนเดิม คือเป็นสภาพที่ระลึกรู้ ในลักษณะ ของสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่เมื่อปัญญายังไม่รู้ชัดก็จะต้องอบรมจนกระทั่งถึงขั้นที่รู้ชัด เช่น ปัญญา ของท่านทั้งหลายที่ได้รู้แจ้งในอริยสัจจธรรมแล้วรู้ชัดพร้อมสติ ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงในขณะนี้นั่นเอง

เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า อวิชชานี้ ช่างมากมายจริงๆ สภาพธรรมไม่ใช่ตัวตน สภาพธรรมแต่ละลักษณะเป็นสภาพธรรมแต่ละลักษณะ สภาพธรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้น แล้วก็ดับไปสภาพธรรมกำลังเกิดดับ ตามเหตุ ตามปัจจัย

แต่อวิชชามีมากมายเหลือเกิน ทำให้ไม่ประจักษ์ในความเกิดดับของสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับอยู่ และอวิชชาซึ่งมีมากมายยิ่งกว่านั้น ก็ทำให้ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าลักษณะนั้นไม่ใช่ตัวตนเป็นแต่เพียงลักษณะของนามธรรมบ้าง รูปธรรมบ้าง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

อวิชชา มีมากมาย อวิชชา มีกำลังมาก อวิชชา เกิดขึ้นบ่อยแล้วทำให้ "สติ" มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย เพราะการสะสมของสติ มีมาน้อยกว่าการสะสมของ อวิชชา

เพราะฉะนั้นการละกิเลสและการขัดเกลากิเลสไม่ใช่เรื่องเร็ว แต่เป็นเรื่องของการเข้าใจจริงๆ ในขัอปฏิบัติแล้วต้อง "รู้" จริงๆ ปัญญา ที่เกิดขึ้นเท่านั้นที่จะละคลาย และดับกิเลสได้ ถ้า ปัญญา ยังไม่เกิด ก็ต้องอบรมไปจนกว่า ปัญญา จะเกิด.

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์



ความคิดเห็น 1    โดย opanayigo  วันที่ 13 ต.ค. 2551

อวิชชา มีมากมาย อวิชชา มีกำลังมาก อวิชชา เกิดขึ้นบ่อยแล้วทำให้ "สติ" มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยเพราะสะสมของสติ มีมาน้อยกว่าการสะสมของ อวิชชา ต้องอาศัยการอบรมด้วยปัญญาไปทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ บ่อยๆ เนืองๆ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย suwit02  วันที่ 13 ต.ค. 2551

สาธุ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 13 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 4    โดย wannee.s  วันที่ 13 ต.ค. 2551

ถึงแม้ว่าอวิชชาจะมีมากมายมหาศาล แต่เวลาที่วิชาคือ ความรู้เกิดมีกำลังมากกว่าอวิชชา เพราะสามารถดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉทคือ ไม่เกิดอีกเลยค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย paderm  วันที่ 13 ต.ค. 2551

ปัญญา ที่เกิดขึ้นเท่านั้นที่จะละคลายและดับกิเลสได้ ถ้าปัญญายังไม่เกิดก็ต้องอบรมไปจนกว่าปัญญาจะเกิด

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย เมตตา  วันที่ 13 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย pornpaon  วันที่ 15 ต.ค. 2551

การละกิเลส และ การขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เรื่องเร็ว แต่เป็นเรื่องของ การเข้าใจจริงๆ ในขัอปฏิบัติแล้วต้อง "รู้" จริงๆ ปัญญา ที่เกิดขึ้นเท่านั้นที่จะละคลาย และ ดับกิเลสได้
ถ้าปัญญา ยังไม่เกิด ก็ต้องอบรมไปจนกว่า ปัญญาจะเกิด

ปัญญา ความเห็นถูกเกิดน้อย

กว่าจะเจริญมั่นคงใช้เวลานาน


๒ คำเพื่อความอดทน

ไม่ท้อถอยจำได้แม่น

จิรกาลภาวนาและแสนกัปป์

ขออนุโมทนาคุณปริศนา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 15 ต.ค. 2551

อ้างอิงจาก : หัวข้อ โดย ธรรมทัศนะ

ถ้ามิได้เป็นผู้ศึกษาพระธรรม มิได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ก็ไม่สามารถที่จะออกจากกรงของกิเลสและไม่สามารถออกไปจากสังสารวัฏฏ์ได้ เพราะมีอวิชชา (ความไม่รู้) บ่อยๆ เรื่อยๆ เนืองๆ และอีกประการหนึ่ง ในชีวิตประจำวันกิเลส อกุศลนานาประการ ก็มีแต่จะสั่งสมเพิ่มพูนขึ้นทุกวันๆ

อนุโมทนาทุกท่านคะะ


ความคิดเห็น 9    โดย pamali  วันที่ 5 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย chatchai.k  วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ