ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ ศีลมีจริงเพราะฉะนั้นศีลเป็นธรรมะ
เพราะมีธาตุรู้ที่กำลังรู้จึงมีสิ่งที่ปรากฏ
ศีลคือปกติ เป็นธาตุรู้ที่เกิดพร้อมกันคือจิตและเจตสิก มีกุศลศีลเป็นปกติเป็นกุศล อกุศลศีลมีปกติเป็นอกุศลและอัพยากศีล ส่วนใหญ่เป็นจิตของพระอรหันต์ไม่ใช่กุศลและอกุศล มีปัจจัยเกิดขึ้นทำกิจไม่เป็นปัจจัยให้เกิดผลจึงเป็นอัพยากตศีล
พระธรรมที่ทรงแสดงทำให้มีความเข้าใจถูกในสภาพธรรมะ
ทุกอย่างเป็นไปตามอำนาจของจิตที่เกิดพร้อมกับเจตสิก
จิตและเจตสิกที่กำลังเกิดดับสืบต่อในขณะนี้คือความเป็นปกติของจิตและเจตสิก ส่วนรูปไม่ใช่ธาตุรู้
ในภูมิที่มีขันธ์ห้า มีทั้งจิต เจตสิกและรูป เพราะฉะนั้นหนีรูปไม่พ้นเลย แต่รูปไม่ใช่ศีล เฉพาะจิตและเจตสิกเป็นศีล เพราะมีรูปๆ นั้นก็เป็นไปตามกำลังของจิต การกระทำทั้งหมดต้องมาจากจิตแล้วแต่ว่าเป็นกุศลจิต อกุศลจิตหรืออัพยากตจิต
ปัญญาเห็นโทษของจิตที่เป็นอกุศลไม่ใช่เรา เพราะจิตขณะนั้นถ้าไม่วิรัติก็เป็นอกุศล ต้องมีความเห็นถูกว่าสิ่งใดควรงดเว้นและสิ่งใดควรเจริญ
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมะคือความจริงที่เกิดขึ้นเป็นไปในสัตว์โลกทั้งปวง ถ้าจิตและเจตสิกเกิดขึ้นเป็นปกติเป็นกุศลก็เป็นกุศลศีล ถ้าจิตและเจตสิกเกิดขึ้นเป็นปกติเป็นอกุศลก็เป็นอกุศลศีล ถ้าจิตและเจตสิกของพระอรหันต์ก็เป็นอัพพยากตศีล
เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาชำระจิตให้ บริสุทธิ์ รู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริงเมื่อไหร่ ก็ค่อยๆ ชำระจิตให้ค่อยๆ บริสุทธิ์ขึ้น ถ้ายังคงเป็นเราจะดับอกุศลอะไรได้?!
พระมหากรุณาที่ทรงแสดงพระธรรม 45 พรรษา เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่กำลังมี เพื่อที่จะได้ค่อยๆ สะสมความเห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
ขอเชิญรับชมเทปบันทึก (๑๙๐๒๕๕๗) รายการบัานธัมมะ
วันเสาร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๗
🔵FB : www.facebook.com/share/v/wLukQSMAnG8i4ZHg
🔴YT : www.youtube.com/watch?v=voqjT58kxNM
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง