ในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์ทรงแสดงโลกในวินัยของพระอริยเจ้า ซึ่งกำลังเป็นไปเกิดดับทุกขณะ คือ โลกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ อนึ่งการรู้เรื่องโลกแบบปุถุชน คือ จักรวาลต่างๆ ไม่ทำให้พ้นจากทุกข์ ไม่ทำให้พ้นจากโลกได้ แต่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านรู้ท่านศึกษาโลกในวินัยของพระอริยเจ้า ท่านจึงพ้น จากทุกข์ได้ ดังนั้นเราควรรู้ ควรศึกษาโลกแบบไหนดี
สาธุ
ไม่ทราบว่า วัฎฎะ (ไม่แน่ใจว่าเขียนถูก) มีความหมายว่า วน หรือกลมหรือเปล่า?
โลกในวินัยของพระอริยเจ้า ซึ่งกำลังเป็นไปเกิดดับทุกขณะ คือ โลกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ
ขออนุโมทนาค่ะ
ตอบความเห็นที่ ๓ วัฏฏะ คือ การวนเวียน การเวียนเกิดเวียนตาย การเวียนว่ายตายเกิด...
ขออนุโมทนาค่ะ
โลกมีหลายความหมาย แต่ตามความจริง เราติดโลกของสมมติบัญญัติเป็นส่วนมาก อย่าลืมที่จะรู้จักโลกของปรมัตถ์ คือการรู้ความจริงของธรรมะที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนึ้ค่ะ
ถ้าไม่มีตา หู.....ใจ ก็ไม่มีโลกที่คิดว่าเป็นกลมๆ เพราะอะไรเพราะถ้าไม่มีสภาพ ธรรม ไม่มีการคิดนึก โลกจะมีได้อย่างไร ดังนั้นเพราะความไม่รู้จึงคิดว่ามีโลกจริงๆ แต่จริงๆ มีแต่สภาพธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นและดับไปจึงเรียกว่าโลก พระพุทธองค์ทรงแสดงว่าโลกหลายนัย โลกมี 3 คือ สัตวโลก (สัตว์โลก) โอกาสโลก (จักรวาล) สังขารโลก (สภาพธรรม) พระพุทธองค์ทรงแสดงและสอนในสิ่งที่ควรรู้อันเป็นไปเพื่อคลายกิเลส และดับกิเลส บางอย่างที่พระองค์ทรงรู้แต่ก็ไม่ทรงสอนเพราะไม่เป็นประโยชน์ เช่น เรื่องจักรวาลอันวิจิตร ดังนั้นสิ่งที่ควรรู้คือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ที่ยึดถือว่าเป็นเรา